Computer Guided Implant Surgery ฝังรากฟันเทียม เพิ่มความแม่นยำได้อย่างตรงจุด

2 นาทีในการอ่าน
Computer Guided Implant Surgery ฝังรากฟันเทียม เพิ่มความแม่นยำได้อย่างตรงจุด

แชร์

ในการทำรากฟันเทียมเพื่อรักษาฟันที่สูญเสียไป ขั้นตอนที่ทันตแพทย์ใส่รากเทียมในตำแหน่งที่เหมาะสมนับว่ามีความสำคัญเป็นอย่างมาก ซึ่งวิธีการที่ใช้โดยทั่วไปคือ การพิมพ์ปากผู้ป่วย และการนำภาพถ่ายรังสีมาประกอบการวางแผนในการกำหนดตำแหน่งของรากฟันเทียม ซึ่งต้องอาศัยประสบการณ์และความชำนาญของทันตแพทย์เป็นหลัก

แต่ด้วยเทคโนโลยี Computer Guided Implant Surgery ที่ใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ในการนำภาพถ่ายรังสีและภาพถ่ายในช่องปาก หรือภาพถ่ายของแบบพิมพ์ฟัน มาช่วยกำหนดตำแหน่งของรากฟันเทียม จะช่วยให้ทันตแพทย์สามารถเห็นรายละเอียดได้ครบถ้วน สอดคล้องกับความเป็นจริงมากยิ่งขึ้น ทำให้ทันตแพทย์สามารถกำหนดตำแหน่งรากเทียมได้ในโปรแกรมคอมพิวเตอร์และถ่ายทอดตำแหน่งนั้นจากหน้าจอคอมพิวเตอร์สู่ตำแหน่งของรากฟันเทียมจริง ๆ ในช่องปากได้ตรงจุดยิ่งขึ้น

 

รู้จัก Computer Guided Implant Surgery

Computer Guided Implant Surgery คือ กระบวนการการใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ร่วมกับเทคโนโลยีทางภาพถ่ายรังสีแบบ 3 มิติ (Cone-Beam CT) ช่วยในการวางแผนและกำหนดตำแหน่งรากฟันเทียมโดยโปรแกรมคอมพิวเตอร์นี้จะช่วยนำภาพถ่ายช่องปากหรือภาพถ่ายของแบบพิมพ์ฟันมาประกอบเข้ากับภาพถ่ายรังสีแบบ 3 มิติ ทำให้เห็นความสัมพันธ์ของกระดูก ตำแหน่งของฟัน และอวัยวะสำคัญอื่น ๆ เช่น เส้นประสาท ไซนัสแบบเสมือนจริง จะช่วยให้เลือกขนาดรากเทียมและกำหนดตำแหน่งได้เหมาะสม สอดคล้องกับตำแหน่งฟันที่จะใส่ทดแทนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น


ขั้นตอนของ Computer Guided Implant Surgery

  1. สภาพช่องปาก 
    พิมพ์ปาก หรือใช้เครื่องสแกนถ่ายภาพในช่องปาก และถ่ายภาพรังสีแบบ 3 มิติ
  2. วางแผนการรักษา  
    นำภาพจากการสแกนที่ได้และภาพถ่ายรังสีแบบ 3 มิติมารวมกันโดยใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ ทันตแพทย์จะทำการพิจารณาจำนวน ความยาว และขนาดของรากเทียมที่เหมาะสม โดยพิจารณาจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น ปริมาณกระดูก อวัยวะสำคัญต่าง ๆ จากนั้นจะนำแผนการรักษามานำเสนอแก่ผู้ป่วย เมื่อสรุปแผนการรักษาที่เหมาะสมได้แล้ว ทันตแพทย์จะใช้เครื่องพิมพ์ 3 มิติพิมพ์อุปกรณ์กำหนดตำแหน่งรากเทียม เพื่อนำไปใช้ในวันที่ฝังรากฟันเทียมต่อไป
  3. ฝังรากฟันเทียม 
    ตามที่วางแผนที่กำหนดไว้ โดยใช้อุปกรณ์กำหนดตำแหน่งรากเทียมเข้าช่วย ซึ่งจะทำให้สามารถลดระยะเวลาการผ่าตัดลงไปได้มาก
  4. ทำครอบฟันหรือฟันปลอมบนรากฟันเทียม 
    หลังจากฝังรากฟันเทียมประมาณ 2 – 3 เดือน ขึ้นอยู่กับคุณภาพและปริมาณของกระดูก จึงเริ่มกระบวนการทำครอบฟันหรือสะพานฟัน ซึ่งใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์ถึง 1 เดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของผู้ป่วยในแต่ละการรักษาด้วย

ข้อดีของ Computer Guided Implant Surgery

  • วางแผนการรักษารากฟันเทียมได้ตรงจุด 
    เนื่องจากทันตแพทย์เห็นรายละเอียดของกระดูกและรูปร่างของฟัน ทำให้ประเมินการรักษาและอธิบายกระบวนการได้ทั้งหมดอย่างถูกต้องตรงจุดยิ่งขึ้น
  • ลดความผิดพลาดของตำแหน่งรากเทียม 
    เนื่องจากกำหนดตำแหน่งของรากเทียมขณะฝังรากเทียมได้สอดคล้องกับแผนการรักษาที่วางไว้ ทำให้โอกาสคลาดเคลื่อนน้อยที่สุด
  • ระยะเวลาในการผ่าตัดฝังรากฟันเทียมลดลง 
    เนื่องจากกำหนดตำแหน่งไว้แล้วจึงรักษาได้รวดเร็ว
  • ลดขนาดแผล ลดความเจ็บปวด 
    หลังทำการรักษา ทำให้ผู้ป่วยสะดวกสบาย
  • สวยเป็นธรรมชาติ 
    เพราะกำหนดขนาดฟันมาแล้วอย่างเหมาะสม ทั้งนี้ขึ้นกับสภาพของเหงือกและปริมาณกระดูกก่อนเริ่มฝังรากเทียมด้วย
  • สบายใจทุกขั้นตอนการรักษา 
    เนื่องจากผู้ป่วยทราบข้อมูลอย่างละเอียดและเห็นภาพชัดเจนจากทันตแพทย์ ตั้งแต่ก่อนเริ่มต้นการรักษา

 

การใช้ Computer Guided Implant Surgery ช่วยให้การรักษารากฟันเทียมเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และเพื่อให้ผู้ป่วยได้ประโยชน์สูงสุดจากการรักษา สิ่งหนึ่งที่ต้องคำนึงถึงเสมอคือ การรักษากับแพทย์ที่มีความชำนาญการและมากด้วยประสบการณ์เพื่อผลการรักษาที่น่าพอใจ


สอบถามเพิ่มเติมที่
ศูนย์ทันตกรรมรากเทียมกรุงเทพ คลินิกเฉพาะทางด้านทันตกรรม
ชั้น 2 อาคารทันตกรรม (หน้าปากซอยเพชรบุรี 47)
เปิดบริการ ทุกวัน 09.00 - 20.00 น.

แชร์