แผลเรื้อรัง เร่งรักษาอย่าปล่อยนาน

1 นาทีในการอ่าน
แผลเรื้อรัง เร่งรักษาอย่าปล่อยนาน

แชร์

บาดแผลที่พบในปัจจุบันมีทั้งแผลเรื้อรังและแผลเฉียบพลัน สำหรับแผลเฉียบพลันจะหายได้เร็ว ใช้เวลารักษาไม่นาน แต่สำหรับบาดแผลเรื้อรังจะหายช้าและกินเวลานาน จึงเป็นเรื่องที่ต้องใส่ใจ เพราะการรักษาอย่างถูกวิธีมีส่วนสำคัญที่ช่วยให้แผลเรื้อรังหายได้เร็วยิ่งขึ้น

 

รู้จักแผลเฉียบพลัน VS แผลเรื้อรัง

  • แผลเฉียบพลัน (Acute Wounds) คือ แผลที่เพิ่งเกิดขึ้น บาดแผลจะหายเร็ว
  • แผลเรื้อรัง คือ บาดแผลที่ไม่สามารถดำเนินตามขบวนการหายของแผลตามปกติ แผลจะอยู่ในภาวะมีการอักเสบ แต่ไม่มีการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ เรียกว่า แผลเรื้อรัง (Chronic Wounds) รักษาแล้วไม่หายภายใน 4 สัปดาห์ ซึ่งส่วนใหญ่แผลทั่วไปจะหายภายในเวลาประมาณนี้

 

กระบวนการหายของแผล

กระบวนการหายของแผลเรื้อรังต่างจากแผลเฉียบพลัน เช่น หกล้ม ถลอก โดนมีดบาด กระบวนการหายจะเรียบง่าย 

กระบวนการหายของแผลเฉียบพลันแบ่งออกเป็น 4 ระยะ

  • ระยะที่ 1 ห้ามเลือดให้เลือดหยุด 1 – 3 วัน
  • ระยะที่ 2 ระยะของการอักเสบไม่เกิน 1 สัปดาห์
  • ระยะที่ 3 ระยะเสริมสร้างเนื้อเยื่อ 2 – 3 สัปดาห์
  • ระยะที่ 4 ระยะปรับสภาพจะอยู่เป็นปี

 

สำหรับแผลเรื้อรังในกระบวนการหายของแผลจะอยู่ในช่วงระยะที่ 2 คือ ระยะของการอักเสบแล้วไม่ก้าวผ่านไปเป็นระยะเสริมสร้างเนื้อเยื่อ เนื้อเยื่อใหม่ไม่เกิดขึ้น เพราะฉะนั้นการรักษาแผลเรื้อรังจึงยากกว่าแผลเฉียบพลัน ต้องแก้ไขให้ก้าวผ่านระยะที่เป็นแผลอักเสบไปสู่ระยะเสริมสร้างเนื้อเยื่อและทำให้แผลหายต่อไป

 

สาเหตุที่พบบ่อยของแผลเรื้อรัง

  1. แผลเบาหวาน โดยเฉพาะแผลที่เท้า
  2. แผลกดทับ
  3. แผลจากหลอดเลือดดำเสื่อมและหลอดเลือดแดงตีบตัน
  4. แผลจากอุบัติเหตุ ที่ได้รับการดูแลไม่ถูกต้องตั้งแต่แรก

 

การดูแลรักษาแผลเรื้อรัง

การดูแลรักษาแผลเรื้อรังนั้นมีความละเอียดและซับซ้อน ต้องแก้ไขสาเหตุของแผลร่วมด้วย และนอกจากการรักษาความสะอาดและทำแผลอย่างถูกวิธี รวมถึงการใช้ยาปฏิชีวนะแล้ว ยังมีเครื่องมือและเทคโนโลยีการรักษาที่ทันสมัยเข้ามาช่วยลดผลกระทบของบาดแผล ให้แผลหายได้ในเร็ววัน ซึ่งต้องรักษาโดยทีมแพทย์เฉพาะทางที่มากด้วยประสบการณ์เพื่อวินิจฉัยได้ถูกต้องเหมาะสมในแต่ละกรณี

 


สอบถามเพิ่มเติมที่
ศูนย์รักษาแผล 
ชั้น 1 อาคาร D โรงพยาบาลกรุงเทพ
เปิดให้บริการ ทุกวัน เวลา 08.00 – 17.00 น.

แชร์