สร้างลูกพูด 3 ภาษา ตั้งแต่วัยก่อน 5 ขวบได้อย่างไร

3 นาทีในการอ่าน
สร้างลูกพูด 3 ภาษา ตั้งแต่วัยก่อน 5 ขวบได้อย่างไร

แชร์

ทักษะของเด็ก ๆ ในยุคไทยแลนด์ 4.0 จำเป็นต้องมี คือความโดดเด่นเฉพาะตัวที่แตกต่างกันไป หากคุณพ่อคุณแม่ทราบจุดเด่นและจุดอ่อนของลูกจะสามารถต่อยอดเสริมทักษะได้อย่างถูกทาง ส่งผลให้สามารถเพิ่มศักยภาพของลูกได้อย่างเต็มที่

 

ยกตัวอย่างกรณีที่คุณแม่พาลูกสาววัย 3 ขวบมาปรึกษาเพื่อค้นหาความถนัดของเด็กที่คลินิกพัฒนาการเด็ก ศูนย์กุมารเวช โรงพยาบาลกรุงเทพ ขณะนั้นลูกเริ่มเข้าเรียนชั้นอนุบาลที่โรงเรียนนานาชาติ ซึ่งใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลัก หลังจากที่คุณแม่พามาตรวจเช็กพัฒนาการว่าสมวัยดีหรือไม่ รวมทั้งตรวจหาว่ามีความถนัดด้านใดเป็นพิเศษหรือด้านใดที่ต้องปรับปรุง ซึ่งผลการตรวจทำให้ทราบว่าลูกมีความโดดเด่นด้านภาษาเป็นอย่างมาก แพทย์จึงแนะนำให้คุณแม่ฝึกทักษะภาษาอื่นให้ลูกเพิ่มเติม เนื่องจากทักษะด้านภาษานั้นจะสามารถพัฒนาได้ดีในวัยนี้ โดยการสอนนั้นต้องไม่เป็นการบังคับเด็ก แต่ควรเป็นการสอนผ่านการเรียนรู้อย่างสนุกสนาน คุณแม่จึงลองให้ลูกเรียนภาษาจีนเพิ่มเติมเป็นภาษาที่ 3 พบว่าลูกเรียนรู้ภาษาจีนได้เร็วและชื่นชอบการเรียนภาษาเป็นอย่างมาก เหตุผลที่เป็นเช่นนี้เพราะเด็กได้ค้นพบสิ่งที่ตัวเองชอบและมีความสุขกับสิ่งที่ทำ อีกทั้งช่วง 5 ขวบปีแรก เป็นช่วงที่สมองของเด็กมีพัฒนาการเต็มที่ ทำให้เรียนรู้สิ่งนั้นได้อย่างเต็มศักยภาพ เมื่อค้นพบความถนัดของลูกแล้วส่งเสริมจึงช่วยพัฒนาให้ก้าวไกลยิ่งขึ้น

 

img

ความถนัดเริ่มปรากฏ ส่งเสริมได้ตั้งแต่ก่อนวัย 5 ขวบ

ในช่วง 5 ขวบปีแรกการเจริญเติบโตของสมองเด็กมีการพัฒนาที่รวดเร็ว โดยเซลล์สมองจะเริ่มพัฒนาและเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อย ๆ จนมีเส้นใยประสาทเชื่อมโยงเป็นข่ายใยในสมองมากมายเพื่อทำหน้าที่ต่าง ๆ แต่หลังจากช่วงวัยดังกล่าว เส้นใยสมองจะค่อย ๆ ลดลงเหลือเพียงบางสายใยเพื่อให้สมองสั่งงานได้รวดเร็วมากขึ้น ทำให้เด็กได้แสดงความถนัดด้านใดด้านหนึ่งออกมา

ยกตัวอย่างที่ทำให้เห็นภาพชัดเจนคือ เด็กจะใช้มือซ้ายและมือขวาจับของเล่นเท่า ๆ กันก่อนวัย 3 ขวบ แต่ในช่วง 4 ขวบเด็กจะเริ่มแสดงความถนัดให้เห็นอย่างเด่นชัด โดยเริ่มใช้แต่มือที่ถนัดข้างใดข้างหนึ่ง ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะเป็นมือขวา ดังนั้นช่วง 5 ขวบปีแรกจึงถือเป็นช่วงจังหวะสำคัญมากในการกระตุ้นพัฒนาการเด็ก

 

img

มองหาจุดเด่นแล้วเสริมให้ถูกทาง

เส้นใยประสาทในสมองนั้นมีมากมาย ซึ่งเกี่ยวข้องกับทักษะสมองด้านต่าง ๆ อาทิ ทักษะความเร็วของสมอง, ทักษะความจำ, ทักษะการรับรู้เรื่องราว 3 มิติ, ทักษะการพูด, ทักษะการแสดงออก, ทักษะด้านดนตรี, ทักษะการใช้กล้ามเนื้อ, ทักษะทางคณิตศาสตร์, ทักษะทางด้านศิลปะ, ทักษะในการควบคุมตนเองและทักษะด้านสังคม เป็นต้น ซึ่งแต่ละคนจะมีทักษะความโดดเด่นที่แตกต่างกัน

ในเด็กบางคนมีทักษะโดดเด่นหลายด้านได้ หากคุณพ่อคุณแม่ทราบถึงความถนัดและส่งเสริมได้ถูกทาง เพราะฉะนั้นการหมั่นสังเกตว่าลูกชอบทำอะไรและมีความสุขกับกิจกรรมแบบไหนคือสิ่งสำคัญ อีกทั้งการตรวจเช็กให้แน่ชัดด้วยโปรแกรมการตรวจเช็กพัฒนาการและความถนัดของเด็กที่มีเครื่องมือช่วยตรวจสอบชัดเจนเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ช่วยค้นหาตัวตนของเด็กได้เร็วและชัดเจน ทำให้พ่อแม่ส่งเสริมความถนัดของลูกได้เหมาะสม อีกทั้งสามารถวางแผนเพื่อพัฒนาด้านที่ไม่ถนัดของลูกได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ

เพราะเด็กทุกคนมีความถนัดในแต่ละด้านที่แตกต่างกัน วิธีการเลี้ยงดูและสภาพแวดล้อมต่าง ๆ จึงมีความสำคัญอย่างมาก หากไม่สอดคล้องกับความเป็นตัวตนของเด็ก ย่อมทำให้พัฒนาการและศักยภาพของเด็กไม่ได้แสดงออกมาเต็มที่ ดังนั้นหากพ่อแม่ดูแลให้ความรักความใส่ใจลูกอย่างใกล้ชิดจะช่วยให้สามารถสังเกตจุดเด่นหรือความถนัดของลูกและส่งเสริมไปในทิศทางที่ถูกต้องได้ เมื่อเด็กได้รับการพัฒนาและส่งเสริมถูกทาง ในอนาคตย่อมมีอาชีพที่ถนัดและมีความสุขกับอาชีพที่ชอบตลอดชีวิต

 

img

ค้นพบศักยภาพของลูกที่
“คลินิกพัฒนาการเด็ก ศูนย์กุมารเวช โรงพยาบาลกรุงเทพ”

วันนี้คุณพ่อคุณแม่สามารถค้นหาความถนัดและตัวตนของลูกน้อยได้ด้วยโปรแกรมการตรวจวิเคราะห์พัฒนาการ โดยกุมารแพทย์เฉพาะทางด้านพัฒนาการและพฤติกรรมเด็กที่ “คลินิกพัฒนาการเด็ก ศูนย์กุมารเวช โรงพยาบาลกรุงเทพ” เพราะเด็กตั้งแต่วัย 1 เดือน – 5 ปี เป็นช่วงวัยที่มีความสำคัญต่อการเสริมสร้างพัฒนาการ ค้นหาสิ่งที่เด็กถนัด ส่งเสริมจุดเด่น และสามารถนำจุดเด่นนั้น ๆ มาต่อยอดให้เด็กมีพัฒนาการเต็มที่ตามศักยภาพ

ซึ่งเป็นการตรวจด้วยเครื่องมือตรวจวัดพัฒนาการที่ได้มาตรฐาน อาทิ เครื่องมือ ASQ เครื่องมือ Denver II หรือเครื่องมือมาตรฐาน Mullen Scale of Early Learning และเครื่องมือ BRIEF – P ที่สามารถบอกออกมาเป็นคะแนนในแต่ละระดับ โดยเปรียบเทียบกับคะแนนมาตรฐานสากล ซึ่งเป็น Standard Test ที่ให้ผลถูกต้องชัดเจนกว่าที่อื่นในรูปแบบ Screening Test รวมถึงแพทย์ผู้ชำนาญการยังทำงานร่วมกับบุคลากรสหสาขาวิชาชีพ ได้แก่ จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น กุมารแพทย์ผู้ชำนาญการสาขาพัฒนาการและพฤติกรรม นักกิจกรรมบำบัด นักแก้ไขการพูด หรือครูการศึกษาพิเศษที่จะช่วยดูแล ปรับ และกระตุ้นพัฒนาการและพฤติกรรมของเด็กให้เติบโตสมวัย

 

จะดีแค่ไหน?
ถ้าคุณเสริมสร้างศักยภาพลูกน้อยให้เรียนรู้และพัฒนาการได้เต็มวัย


ข้อมูล :

  • อยากกระตุ้นให้ลูกฉลาดตั้งแต่อยู่ในท้อง ภาควิชาสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา Faculty of Medicine Siriraj Hospital 
    คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
    http://www.si.mahidol.ac.th

สอบถามเพิ่มเติมที่
คลินิกพัฒนาการเด็ก ศูนย์กุมารเวช
ชั้น 4 โรงพยาบาลกรุงเทพ
ทุกวัน เวลา 8.00 – 16.00 น.

แชร์