BURNOUT SYNDROME อย่ารอให้หมดไฟในการทำงาน

2 นาทีในการอ่าน
BURNOUT SYNDROME อย่ารอให้หมดไฟในการทำงาน

แชร์

อย่างที่ทราบกันแล้วว่า Burnout Syndrome หรือ ภาวะหมดไฟในการทำงานได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโรคใหม่จากองค์การอนามัยโลก (WHO) โดยเป็นโรคที่เป็นผลจากการความเครียดเรื้อรังในสถานที่ทำงาน ซึ่งควรได้รับการดูแลจากแพทย์เฉพาะทางก่อนจะรุนแรงและคุกคามการใช้ชีวิต เพราะฉะนั้นการหมั่นสังเกตสัญญาณเตือนและรู้เท่าทันโรคนี้จะช่วยให้รับมือได้อย่างถูกวิธีก่อนสายเกินไป

 

รู้จักภาวะหมดไฟในการทำงาน

ภาวะหมดไฟในการทำงาน คือ ภาวะการเปลี่ยนแปลงทางด้านจิตใจที่เป็นผลมาจากความเครียดเรื้อรังในที่ทำงานและไม่ได้รับการจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ แบ่งลักษณะอาการออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่

  1. เหนื่อยล้าทางอารมณ์ รู้สึกหมดพลัง สูญเสียพลังจิตใจ
  2. มีทัศนคติเชิงลบต่อความสามารถในการทำงานของตนเอง ขาดความเชื่อมั่นในความสำเร็จ
  3. ประสิทธิภาพการทำงานลดลง ความสัมพันธ์ในที่ทำงานเหินห่างหรือเป็นไปทางลบกับผู้ร่วมงานและลูกค้า

 

สัญญาณเตือนภาวะหมดไฟในการทำงาน

การสังเกตสัญญาณเตือนว่าเริ่มเข้าสู่ภาวะหมดไฟในการทำงาน แบ่งออกเป็น 3 ด้าน ได้แก่

1) ด้านอารมณ์

  • หดหู่
  • ซึมเศร้า 
  • หงุดหงิด โมโหง่าย
  • อารมณ์แปรปรวน
  • ไม่พอใจในงานที่ทำ

2) ด้านความคิด

  • มองคนอื่นในแง่ลบแง่ร้าย
  • โทษคนอื่นเสมอ
  • ระแวง
  • หนีปัญหา ไม่จัดการปัญหา
  • สงสัยและไม่เชื่อในศักยภาพของตนเอง

3) ด้านพฤติกรรม

  • ผัดวันประกันพรุ่ง
  • ขาดความกระตือรือร้น
  • หุนหันพลันแล่น
  • บริหารจัดการเวลาไม่ได้
  • ไม่อยากตื่นไปทำงาน 
  • มาสายจนผิดสังเกตติดต่อกัน
  • ไม่มีสมาธิในการทำงาน
  • ไม่มีความสุขในการทำงาน

 

จัดการภาวะหมดไฟในการทำงาน

การจัดการภาวะหมดไฟในการทำงาน สามารถฟื้นฟูแก้ไขได้ก่อนสาย ดังนี้

  • ยืดหยุ่นต่อสถานการณ์ต่าง ๆ
  • ยอมรับในความแตกต่าง
  • ไม่ด่วนตัดสินใคร
  • เปิดใจฟังความคิดเห็นของผู้อื่น
  • มองหาที่ปรึกษาที่รับฟังและแนะนำได้
  • ร่วมกิจกรรมขององค์กร
  • อย่าทำงานหักโหมเกินไป
  • อย่าเอางานไปทำที่บ้าน
  • ไม่นำปัญหาที่ทำงานสะสมไปที่บ้าน
  • ลดความกดดันในการทำงาน
  • รู้จักขอความช่วยเหลือและปฏิเสธอย่างเหมาะสม
  • พักผ่อนให้เพียงพอ
  • ปรึกษาแพทย์เฉพาะทาง

 

Burnout Syndrome

 

ผลกระทบจากภาวะหมดไฟในการทำงาน

ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากภาวะหมดไฟในการทำงานในด้านต่าง ๆ ได้แก่

1) ด้านร่างกาย

  • เหนื่อยล้าเรื้อรัง
  • ปวดศีรษะ
  • ปวดเมื่อยตามตัว

2) ด้านจิตใจ

  • รู้สึกหมดหวัง
  • ท้อแท้ในการทำงาน
  • นอนไม่หลับ

3) ด้านการทำงาน

  • ขาดงานบ่อย
  • มาสาย
  • ประสิทธิภาพการทำงานลดลง
  • ลาออก

 

ลักษณะงานแบบไหนเสี่ยงหมดไฟ

  • งานหนักและปริมาณมากเกินไป
  • งานซับซ้อน งานเร่งรีบ
  • งานที่ผลตอบแทนไม่เหมาะสม 
  • งานที่ทำให้รู้สึกไม่ได้รับคุณค่าและความภูมิใจในการทำงาน
  • งานที่ขาดความยุติธรรม ความเชื่อใจ การยอมรับในการทำงาน
  • งานที่ไม่มีอำนาจในการตัดสินใจในงานที่ทำ
  • งานที่การบริหารงานไร้ระบบ ไม่มีเป้าหมายชัดเจน

 

หลายคนมักสงสัยว่า ภาวะหมดไฟในการทำงาน (Burnout Syndrome) เป็นอาการของโรคซึมเศร้าหรือไม่ ซึ่งภาวะหมดไฟในการทำงานกับโรคซึมเศร้ามีความแตกต่างกันไม่ใช่โรคเดียวกัน แต่หากสงสัยไม่ว่าจะโรคใดอย่านิ่งนอนใจควรปรึกษาจิตแพทย์โดยเร็วที่สุดเพื่อจะได้รับการตรวจวินิจฉัยและทำการรักษาอย่างทันท่วงที 


สอบถามเพิ่มเติมที่
ศูนย์จิตรักษ์ โรงพยาบาลกรุงเทพ
ชั้น 5 อาคาร C โรงพยาบาลกรุงเทพ
เปิดให้บริการ ทุกวัน เวลา 08.00 – 18.00 น.

แชร์