ประเทศไทย กำลังเข้าสู่สังคมสูงวัย และหนึ่งในโรคที่เกิดในกลุ่มสูงวัย ได้แก่ โรคข้อ ไม่ว่าจะเป็น โรคข้ออักเสบ “โรคข้อเข่าเสื่อม” “โรคเก๊าท์” รูมาตอยด์ ซึ่งส่งผลต่อคุณภาพชีวิต ขณะเดียวกัน หลายคนมองว่าโรคข้อเป็นโรคของผู้สูงวัย แต่ความจริงแล้วสามารถเป็นได้ทุกวัย
จากข้อมูลของ Global Burden of Disease (GBD) ในปี 2019 พบว่ามีผู้ป่วย โรคข้อและกล้ามเนื้อ ทั่วโลกมากถึง 1.71 พันล้านคน ซึ่งเป็นกลุ่มโรคที่ส่งผลกระทบอย่างมากต่อการเคลื่อนไหวและคุณภาพชีวิตของผู้คนจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มผู้สูงอายุ โดยสถิติจาก CDC ในสหรัฐอเมริกาปี 2022 พบว่าเกือบ 54% ของผู้ใหญ่อายุ 75 ปีขึ้นไป มีภาวะ ข้ออักเสบ และแนวโน้มผู้ป่วยโรคข้อและกล้ามเนื้อทั่วโลกยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง”
“โรคข้อ” นั้นสามารถแบ่งออกได้เป็นหลายชนิด ในทางการแพทย์มีการวินิจฉัยโรคข้อมากกว่า 100 ชนิด โดยชนิดของโรคข้อที่พบบ่อยที่สุดและเรารู้จักกันดี คือ “โรคข้อเสื่อม” โดยจากสถิติทั่วโลกพบว่าในผู้ใหญ่อายุมากกว่า 40 ปี สามารถพบอาการของโรคข้อเข่าเสื่อม สูงถึง 22%
สำหรับประเทศไทย โรคข้อเสื่อม ถือเป็นโรคที่พบบ่อยอันดับต้นๆ โดยจากสถิติผู้มารับบริการในสถานบริการของกระทรวงสาธารณสุขในปี 2566 พบอุบัติการณ์ของผู้ป่วยโรคข้อเสื่อมในผู้ชาย 5.8% และในผู้หญิงสูงถึง 12% (อ้างอิงจากข้อมูลปี 2567 ที่ระบุสถิติปี 2566) แม้จะยังไม่มีรายงานจำนวนผู้ป่วยทั้งหมดสำหรับปี 2566-2567 อย่างเป็นทางการ แต่ข้อมูลที่มีอยู่ชี้ให้เห็นว่าโรคข้อเสื่อมยังคงเป็นปัญหาสำคัญทางสาธารณสุข และมีการประมาณการณ์ว่ามีผู้ป่วยโรคข้อเสื่อมในประเทศไทยมากกว่า 6 ล้านคน”
โรคข้อเสื่อม เป็นโรคที่เกิดจากกระดูกอ่อนผิวข้อซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวรับแรงกระแทกบริเวณข้อต่อมีการเสื่อม หลุดลอกออก กระดูกแข็งบริเวณข้อต่อ จึงเกิดการเสียดสี เกิดการอักเสบและอาการปวดขึ้น
สำหรับปัจจัยเสี่ยงนั้น สามารถแบ่งได้เป็น 2 ปัจจัยหลัก ๆ คือ “ปัจจัยเสี่ยงกลุ่มที่ปรับเปลี่ยนไม่ได้” เช่น อายุที่มากขึ้น เชื้อชาติ เพศหญิง ประวัติมีคนในครอบครัวเป็น และ “ปัจจัยเสี่ยงกลุ่มที่สามารถปรับเปลี่ยนได้” เช่น น้ำหนักตัวเกิน อาชีพที่ต้องใช้งานข้อเยอะ การเกิดอุบัติเหตุที่ผิวข้อ กล้ามเนื้อไม่แข็งแรง และกลุ่มโรคความดันสูง ไขมันสูง และเบาหวาน ซึ่งปัจจุบันเราพบว่ามีความสัมพันธ์กับการเกิดอาการข้อเสื่อม







