หลายคนตั้งใจลดน้ำหนักอย่างมีวินัยด้วยวิธีการต่าง ๆ ทั้งคุมอาหาร ออกกำลังกาย อดอาหาร แต่ตัวเลขบนเครื่องชั่งกลับไม่เคยลดตาม อาจเป็นเพราะฮอร์โมนที่ส่งผลต่อการลดน้ำหนักอย่างฮอร์โมนจากทางเดินอาหารขาดสมดุล ส่งผลให้ลดน้ำหนักยากไม่ผอมอย่างที่ตั้งใจ
โรคอ้วนคืออะไร
โรคอ้วน (Obesity) คือ ภาวะที่ร่างกายสะสมไขมันมากเกินความจำเป็นของร่างกาย เมื่อไขมันมากความเสี่ยงโรคเรื้อรังย่อมตามมา อาทิ ความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไขมันในเลือดผิดปกติ โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคมะเร็งต่าง ๆ เป็นต้น ซึ่งการประเมินโรคอ้วนมาจากค่าดัชนีมวลกาย (BMI) ร่วมกับขนาดรอบเอว สัดส่วนไขมันในร่างกาย และการตรวจหาสาเหตุและโรคร่วมอื่น ๆ เช่น ระดับไขมัน น้ำตาล ไทรอยด์ ความดันโลหิตสูง เป็นสิ่งจำเป็นซึ่งควรปรึกษาแพทย์ที่มีความชำนาญเพื่อจะได้ดูแลตนเองอย่างถูกต้อง
วิธีลดน้ำหนักรักษาโรคอ้วน
การลดน้ำหนักเพื่อดูแลรักษาโรคอ้วนมีหลายวิธี ได้แก่
- ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ได้แก่ คุมปริมาณอาหาร ลดหวาน มัน เค็ม ของทอด อาหารแปรรูป ออกกำลังกายสม่ำเสมอ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
- ใช้ยา ต้องเป็นไปตามคำแนะนำของแพทย์เท่านั้น เหมาะกับผู้ที่ไม่สามารถปรับพฤติกรรมเพียงอย่างเดียวเพื่อลดน้ำหนัก ผู้ที่ไม่พร้อมผ่าตัดแต่อยากได้ผลลัพธ์ตามเป้าหมายที่วางไว้
- การผ่าตัด เพื่อลดขนาดกระเพาะอาหารหรือการบายพาสลำไส้เพื่อลดน้ำหนักอย่างได้ผลในระยะยาว ซึ่งต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เฉพาะทางเท่านั้น

ทำไมตั้งใจลดน้ำหนักแล้วน้ำหนักไม่ลด
หากพยายามลดน้ำหนักด้วยวิธีต่าง ๆ อย่างเต็มที่ แต่น้ำหนักไม่ลดหรือน้ำหนักเพิ่มขึ้นอาจเพราะร่างกายขาดสมดุลของฮอร์โมน เพราะเมื่อลดน้ำหนักร่างกายจะปรับสมดุลฮอร์โมนเพื่อรักษาน้ำหนักเดิม โดยระบบฮอร์โมนหลายชนิดจะปรับตัวเพื่อต้านการเปลี่ยนแปลง เช่น เพิ่มฮอร์โมนกระตุ้นความหิวอย่างฮอร์โมนเกรลิน (Ghrelin Hormone) ลดฮอร์โมนที่ทำให้อิ่มอย่างฮอร์โมน GLP-1 (Glucagon-like peptide-1) ลดอัตราการเผาผลาญแคลอรี่ขั้นต่ำที่ร่างกายต้องใช้ในชีวิตประจำวัน (Basal Metabolic Rate) เป็นต้น เพราะฉะนั้นการที่มีอาการหิวบ่อย เหนื่อยง่าย น้ำหนักไม่ลด มาจากกลไกของร่างกายที่พยายามป้องกันไม่ให้เสียพลังงานนั่นเอง
ฮอร์โมนจากทางเดินอาหารคุมน้ำหนักเกินได้อย่างไร
ลำไส้มีหน้าที่ควบคุมความหิว ความอิ่ม การสะสมไขมัน การใช้น้ำตาล ซึ่งเกิดจากฮอร์โมนที่หลั่งออกมาจากทางเดินอาหารหลังมื้ออาหาร โดยฮอร์โมนที่นำมาใช้ในการรักษาโรคอ้วนและเบาหวานในปัจจุบันมี 2 ชนิด ได้แก่
- ฮอร์โมน GLP-1 (Glucagon-like peptide-1) สร้างบริเวณลำไส้เล็กส่วนปลาย มีหน้าที่ชะลอการย่อย อิ่มนาน กระตุ้นการหลั่งอินซูลิน ช่วยลดความอยากอาหาร
- ฮอร์โมน GIP (Glucose-dependent Insulinotropic Polypeptide) สร้างบริเวณลำไส้เล็กส่วนต้น มีหน้าที่จัดเก็บไขมัน กระตุ้นอินซูลินเมื่อมีระดับน้ำตาลในเลือดสูง ช่วยให้รับประทานอาหารน้อยลง

ลดน้ำหนักอย่างไรให้ได้ผล
ร่างกายของมนุษย์มีกลไกซับซ้อน นอกจากเรื่องการกิน การออกกำลังกาย การพักผ่อน ยังมีเรื่องของระบบฮอร์โมนจากทางเดินอาหารที่ควบคุมความหิว ความอิ่ม อัตราการเผาผลาญ รวมถึงการสะสมไขมัน เพราะฉะนั้นถ้าปรับพฤติกรรมทั้งคุมอาหารและออกกำลังกาย แต่ไม่เห็นผลลัพธ์ตามที่ตั้งใจ แนะนำให้พบแพทย์เฉพาะทางเพื่อตรวจเช็กร่างกายอย่างละเอียดและปรึกษาแนวทางการลดน้ำหนักที่เหมาะสมและยั่งยืน เพื่อการมีสุขภาพดีในระยะยาว
Reference
- Samms, R. J., Coghlan, M. P., & Sloop, K. W. (2020). How may GIP enhance the therapeutic efficacy of GLP-1? Trends in Endocrinology & Metabolism, 31(6), 410–421. https://doi.org/10.1016/j.tem.2020.02.006
- Min, T., & Bain, S. C. (2020). The role of tirzepatide, dual GIP and GLP-1 receptor agonist, in the management of type 2 diabetes: The SURPASS clinical trials. Diabetes Therapy. Advance online publication. https://doi.org/10.1007/s13300-020-00981-0
โรงพยาบาลที่ชำนาญการรักษาโรคอ้วนที่ไหนดี
คลินิกลดน้ำหนักและรักษาโรคอ้วน โรงพยาบาลกรุงเทพ พร้อมให้การดูแลเรื่องลดน้ำหนักและรักษาโรคอ้วน ด้วยทีมแพทย์เฉพาะทางที่มากด้วยประสบการณ์และทีมสหสาขาที่พร้อมดูแลให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ลดน้ำหนักอย่างได้ผลและมีสุขภาพดีในระยะยาว
แพทย์ที่ชำนาญการรักษาโรคอ้วน
พญ.สมโชดก ชาครียรัตน์ อายุรศาสตร์โรคต่อมไร้ท่อและเมแทบอลิซึม คลินิกลดน้ำหนักและรักษาโรคอ้วน โรงพยาบาลกรุงเทพ
สามารถคลิกที่นี่เพื่อทำนัดหมายได้ด้วยตนเอง
ข้อมูลเพิ่มเติมลดน้ำหนักรักษาโรคอ้วน
ยาฉีดควบคุมน้ำหนักและอินซูลิน ตัวช่วยลดโรคอ้วนและเบาหวาน คลิกที่นี่









