ภูมิคุ้มกันบำบัดแบบอมใต้ลิ้น (SLIT) ทางเลือกรักษาภูมิแพ้ถึงต้นเหตุ

3 นาทีในการอ่าน
ภูมิคุ้มกันบำบัดแบบอมใต้ลิ้น (SLIT) ทางเลือกรักษาภูมิแพ้ถึงต้นเหตุ
โรงพยาบาลกรุงเทพ สำนักงานใหญ่

โรคภูมิแพ้เกิดจากการที่ภูมิคุ้มกันร่างกายเกิดปฏิกิริยากับสารก่อภูมิแพ้ ไม่เพียงสร้างความรำคาญ แต่ยังส่งผลกระทบกับการใช้ชีวิตประจำวันทั้งร่างกาย จิตใจ การเข้าสังคม และอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงตามมา การรักษาโรคภูมิแพ้นอกจากรับประทานยาแก้แพ้ได้มีการพัฒนาภูมิคุ้มกันบำบัดในรูปแบบเม็ดสำหรับอมใต้ลิ้น (SLIT) เพื่อควบคุมอาการแพ้ได้นานขึ้น โดยเฉพาะในผู้ที่แพ้ไรฝุ่นช่วยให้มีคุณภาพชีวิตดีขึ้นในระยะยาว

 

ภูมิคุ้มกันบำบัดแบบอมใต้ลิ้น (SLIT) คืออะไร

ภูมิคุ้มกันบำบัดแบบอมใต้ลิ้น (Sublingual Immunotherapy – SLIT) คือ การรักษาโรคภูมิแพ้โดยให้สารก่อภูมิแพ้ตามปริมาณที่กำหนด ซึ่งควบคุมโดยแพทย์เฉพาะทาง เพื่อกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันร่างกายให้ค่อย ๆ ปรับตัวจนไม่ตอบสนองต่อสิ่งที่เคยแพ้ในอดีต โดยใช้ยา SLIT ในรูปแบบเม็ดหรือหยดวางใต้ลิ้นวันละครั้ง เหมาะกับการใช้รักษาอาการแพ้ โดยใช้ยา ต่อเนื่องระยะยาว 3 ปี

ภูมิคุ้มกันบำบัดแบบอมใต้ลิ้น (SLIT) ทางเลือกรักษาภูมิแพ้ถึงต้นเหตุ

ภูมิคุ้มกันบำบัดแบบอมใต้ลิ้น (SLIT) รักษาภูมิแพ้ใด

ภูมิคุ้มกันบำบัดแบบอมใต้ลิ้น (SLIT) สามารถรักษาภูมิแพ้ชนิดต่าง ๆ ได้แก่

  • ภูมิแพ้ไรฝุ่น (Dust Mite Allergy)
  • ภูมิแพ้เกสรหญ้าและต้นไม้ (Pollen Allergy / Hay Fever)
  • ภูมิแพ้ขนสัตว์บางชนิด
  • จมูกอักเสบจากภูมิแพ้เรื้อรัง (Allergic Rhinitis)
  • โรคหืดจากภูมิแพ้ (Allergic Asthma)

ภูมิคุ้มกันบำบัดแบบอมใต้ลิ้น (SLIT) ทางเลือกรักษาภูมิแพ้ถึงต้นเหตุ

ใครที่เหมาะกับภูมิคุ้มกันบำบัดแบบอมใต้ลิ้น (SLIT)

  • ผู้ที่กลัวเข็ม
  • ผู้ที่เคยฉีดวัคซีนภูมิแพ้และมีอาการแพ้ หรือไม่สะดวกเดินทางมาฉีดวัคซีนภูมิแพ้
  • ผู้ป่วยภูมิแพ้เรื้อรังที่ใช้ยาประจำแต่ยังควบคุมอาการไม่ได้
  • ผู้ป่วยภูมิแพ้จมูก, คันตา, จาม, น้ำมูกไหล, คัดจมูกซ้ำซาก
  • ผู้ป่วยภูมิแพ้ไรฝุ่นเกสรหญ้า
  • เด็กอายุ 5 ปีขึ้นไปและผู้ใหญ่ทุกวัย

ปัจจุบันการรักษาด้วยภูมิคุ้มกันบำบัดแบบอมใต้ลิ้น (SLIT) ในต่างประเทศสามารถรักษาอาการภูมิแพ้ได้ทั้งหมด  แต่ในประเทศไทยภูมิคุ้มกันบำบัดแบบอมใต้ลิ้น (SLIT) จำกัดให้ใช้ได้เฉพาะการรักษาภูมิแพ้ไรฝุ่นเท่านั้น

ขั้นตอนการรักษาด้วยภูมิคุ้มกันบำบัดแบบอมใต้ลิ้น (SLIT)

  1. ตรวจประเมินสารก่อภูมิแพ้ (Skin Prick / IgE Blood Test)
  2. วางแผนการรักษาที่ต้นเหตุ โดยแพทย์เฉพาะทางโรคภูมิแพ้และหอบหืด
  3. ติดตามผลการรักษาเป็นระยะเพื่อให้การรักษามีประสิทธิภาพสูงสุด

ภูมิคุ้มกันบำบัดแบบอมใต้ลิ้น (SLIT) ทางเลือกรักษาภูมิแพ้ถึงต้นเหตุ

ข้อดีของภูมิคุ้มกันบำบัดแบบอมใต้ลิ้น (SLIT)

  • สะดวกเพราะอมยาเองที่บ้านได้โดยไม่ต้องมาโรงพยาบาล
  • ผลข้างเคียงน้อย อาจคันหรือระคายคอ หรือมวนท้องในช่วงแรก
  • ลดการใช้ยาแก้แพ้ เมื่อรักษาไปสักระยะอาการจะค่อย ๆ ดีขึ้นโดยไม่จำเป็นต้องใช้ยา
  • ป้องกันโรคแทรกซ้อน ลดโอกาสลุกลามเป็นหืดหรือไซนัสอักเสบเรื้อรัง
  • เสริมภูมิคุ้มกัน สร้างความทนต่อสารก่อภูมิแพ้

ภูมิคุ้มกันบำบัดแบบฉีด (SCIT) VS ภูมิคุ้มกันบำบัดแบบอมใต้ลิ้น (SLIT) ต่างกันอย่างไร

รายละเอียด

ภูมิคุ้มกันบำบัดแบบฉีด
Subcutaneous Immunotherapy (SCIT)
เหมาะกับผู้ที่แพ้หลายชนิด

ภูมิคุ้มกันบำบัดแบบอมใต้ลิ้น
Sublingual Immunotherapy (SLIT)
เหมาะกับเด็ก, คนกลัวเข็ม, ไม่สะดวกมาบ่อย

วิธีใช้

ฉีดสารก่อภูมิแพ้บริเวณต้นแขน

วางยาเม็ดหรือหยดยาใต้ลิ้นทุกวัน

สถานที่

ฉีดที่โรงพยาบาล

ใช้เองที่บ้าน หลังเริ่มต้นรักษากับแพทย์

ความถี่

สัปดาห์ละครั้ง (ระยะเริ่มต้น)
เดือนละครั้ง (ระยะคงที่)

ทุกวัน (วันละครั้ง)

ระยะเวลาการรักษา

3 – 5 ปี

3 – 5 ปี

อายุที่ใช้ได้

5 ปีขึ้นไป

5 ปีขึ้นไป (บางประเทศ 2 ปีขึ้นไป)

สารภูมิแพ้ที่ใช้รักษา

ไรฝุ่น, เกสรพืช, ขนสัตว์, รา

ไรฝุ่น, เกสรพืช, ขนสัตว์ (จำนวนจำกัด)

ผลข้างเคียงที่พบบ่อย

บวมแดงบริเวณที่ฉีด, คัน, ปวดแขน

คันใต้ลิ้น, ระคายคอช่วงแรก

ความเสี่ยงของอาการแพ้รุนแรง (Anaphylaxis)

พบได้น้อยมาก ต้องสังเกตหลังฉีด 30 นาที

ต่ำมาก แทบไม่พบ

จุดเด่น

ปรับขนาดยาตามอาการได้, เหมาะกับสารหลายชนิดร่วม

สะดวกใช้ที่บ้านได้ ไม่ต้องฉีด

ข้อจำกัด

ฉีดที่โรงพยาบาลทุกครั้ง, ไม่เหมาะกับผู้ที่กลัวเข็ม

ใช้ทุกวัน, สารก่อภูมิแพ้บางชนิดไม่มีแบบอมใต้ลิ้น

ผลการรักษาระยะยาว

ลดอาการแพ้และความรุนแรงได้ 70 – 90%

ลดอาการแพ้และความรุนแรงได้ 60 – 80%

องค์การแพทย์ยุโรปหรือสถาบันโรคภูมิแพ้และภูมิคุ้มกันทางคลินิกแห่งยุโรป (European Academy of Allergy and Clinical Immunology – EAACI) และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (Food and Drug Administration – FDA) ได้รับรองประสิทธิภาพของ SLIT ในการรักษาโรคภูมิแพ้ไรฝุ่นและเกสรพืช และมีงานวิจัยหลายฉบับยืนยันว่า SLIT ลดอาการภูมิแพ้ได้อย่างมีนัยสำคัญ ตั้งแต่ 30 – 70% ภายใน 6 – 12 เดือน และให้ผลระยะยาวหลังหยุดยา โดยเฉพาะในผู้ป่วยเด็กตอบสนองได้ดี ป้องกันไม่ให้ลุกลามเป็นหืด

โรงพยาบาลที่ชำนาญการรักษาโรคภูมิแพ้ที่ไหนดี

ศูนย์โรคภูมิแพ้และหอบหืด โรงพยาบาลกรุงเทพ พร้อมให้การตรวจประเมิน วินิจฉัย ดูแลรักษาผู้ป่วยโรคภูมิแพ้อย่างใกล้ชิด ตลอดจนให้คำปรึกษาและให้ความรู้ที่ถูกต้อง ด้วยทีมแพทย์เฉพาะทางและทีมสหสาขาที่มีความชำนาญและมากด้วยประสบการณ์เพื่อให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดี

แพทย์ที่ชำนาญการรักษาโรคภูมิแพ้

พญ.ลินน่า งามตระกูลพานิช แพทย์ผู้ชำนาญการด้านภูมิแพ้และหอบหืด ศูนย์ภูมิแพ้และหอบหืด โรงพยาบาลกรุงเทพ

สามารถคลิกที่นี่เพื่อทำนัดหมายได้ด้วยตนเอง

ข้อมูลโดย

Doctor Image

พญ. ลินน่า งามตระกูลพานิช

กุมารเวชศาสตร์

พญ. ลินน่า งามตระกูลพานิช

กุมารเวชศาสตร์

Doctor profileDoctor profile