ทดสอบการแพ้อาหาร เช็กให้ชัวร์ก่อนกิน

2 นาทีในการอ่าน
ทดสอบการแพ้อาหาร เช็กให้ชัวร์ก่อนกิน

แชร์

แพ้อาหารเป็นอาการที่เกิดขึ้นได้ ตั้งแต่เป็นผื่นตามตัว ท้องเสีย หายใจลำบาก ไปจนถึงขั้นเสียชีวิต โดยจะเกิดขึ้นช้าหรือเร็วขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล เพราะฉะนั้นการทดสอบการแพ้อาหาร  (Oral Food Challenge Test) อย่างถูกวิธีกับแพทย์เฉพาะทางที่มีความชำนาญเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยป้องกันอาการแพ้อาหาร หลีกเลี่ยงการกินอาหารที่แพ้ได้อย่างถูกต้อง

 

รู้จักการทดสอบแพ้อาหาร 

การทดสอบการแพ้อาหาร (Oral Food Challenge Test) คือ การให้ผู้ป่วยรับประทานอาหารที่สงสัยว่าทำให้เกิดอาการแพ้ โดยให้ผู้ป่วยลองรับประทานอาหารที่สงสัยเริ่มจากปริมาณน้อย ๆ และค่อย ๆ เพิ่มปริมาณ เพื่อดูปฏิกิริยาการแพ้ที่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นการยืนยันการวินิจฉัยโรคที่น่าเชื่อถือมากที่สุด แต่ผู้ป่วยอาจจะเกิดปฏิกิริยาการแพ้รุนแรงได้ระหว่างที่ทำการทดสอบจึงต้องอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลโดยแพทย์เฉพาะทางภูมิแพ้และต้องทำการทดสอบในสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน มีอุปกรณ์ ยา และเครื่องมือในการรักษาแบบครบครัน


อาหารชวนแพ้

อาหารที่มักเป็นสาเหตุการแพ้อาหาร ได้แก่

  • ไข่
  • ปลา
  • นม
  • ถั่วเหลือง
  • ถั่วลิสง
  • แป้งสาลีและกลูเต็น
  • สัตว์น้ำเปลือกแข็ง เช่น กุ้ง ปู หอย หมึก ฯลฯ
  • ถั่วตระกูล Tree Nuts เช่น อัลมอนด์ วอลนัท มะม่วงหิมพานต์ แมคคาเดเมีย พิสตาชิโอ ฯลฯ
  • ผักและผลไม้ อาจเกิดอาการแพ้ที่ริมฝีปากและในลำคอ

อาการแพ้อาหาร

ปฏิกิริยาอาการแพ้อาหาร (Food Allergy) แบ่งออกเป็น

  • ชนิดไม่เฉียบพลัน (Non – IgE – Mediated Food Allergy) เป็นกลุ่มที่มีอาการแบบล่าช้า ค่อย ๆ ปรากฏอาการหลายชั่วโมงหรือเป็นวันหลังจากรับประทานอาหารเข้าไปแล้ว เช่น ผื่นเรื้อรัง  โดยจะมีผื่นแดง คัน แห้ง ในเด็กมักจะเป็นบริเวณที่แก้มหรือข้อพับ ถ้าเป็นอาการที่ระบบทางเดินอาหาร เมื่อได้รับอาหารที่แพ้อาจถ่ายเป็นมูกเลือด อาเจียน และถ่ายเหลวรุนแรง
  • ชนิดเฉียบพลัน (IgE – Mediated Food Allergy) มีอาการตาบวม ปากบวม ผื่นลมพิษ หลอดลมตีบ ไอ แน่นหน้าอก หายใจไม่ออก ปวดท้อง อาเจียน โดยอาการจะเกิดขึ้นภายใน 30 นาที – 1 ชั่วโมง หลังจากรับประทานอาหาร และมีโอกาสเสี่ยงที่จะเกิดอาการแพ้รุนแรงได้
  • ชนิดรุนแรง (Anaphylaxis) เป็นอาการแพ้ในระดับรุนแรงที่สุดและเป็นอันตรายถึงชีวิต อาการที่เกิดขึ้น ได้แก่ ผื่นแดงตามผิวหนัง ลมพิษ คัน ผิวหนังแดงหรือซีด วิงเวียนศีรษะ หน้ามืดคล้ายจะเป็นลม คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง หรือท้องเสีย

ทดสอบการแพ้อาหาร เช็กให้ชัวร์ก่อนกิน

วิธีทดสอบการแพ้อาหาร

วิธีทดสอบอาการแพ้อาหาร (Oral Food Challenge) เบื้องต้น ได้แก่

  1. การทดสอบภูมิแพ้ทางผิวหนัง (Skin Prick Tests) ผู้ป่วยต้องไม่มีอาการเจ็บป่วยอย่างน้อย 1 สัปดาห์ ก่อนวันที่ทำการทดสอบ และงดรับประทานยาแก้แพ้ 1 สัปดาห์ ก่อนวันที่ทำการทดสอบ เมื่อทดสอบแล้วสามารถทราบผลได้ภายใน 15 – 20 นาที (ในกรณีที่มีอาการแพ้รุนแรงจะสามารถทดสอบได้หลังจากมีอาการ 1 เดือน)
  2. การตรวจเลือด (Blood Test For Specific IgE)  ไม่ต้องงดยาแก้แพ้ก่อนการทดสอบ เมื่อทดสอบแล้วสามารถทราบผลได้ภายใน  3 – 5 วันทำการ โดยมีทั้งผลเป็นบวกและลบ
    • ผลเป็นบวก แพทย์อาจให้งดหรืออาจให้ทำทดสอบด้วยการรับประทานอาหาร (Oral Food Challenge) ตามความเหมาะสม (ในกรณีที่ผู้ป่วยแพ้อยู่ก่อนแล้วและต้องการรู้ว่าหายแพ้แล้วหรือไม่) และขึ้นอยู่กับดุลพินิจของแพทย์ผู้ทำการรักษา
    • ผลเป็นลบ อาจพิจารณาทำการทดสอบด้วยการรับประทานอาหาร (Oral Food Challenge)

ผู้ที่เหมาะกับการทดสอบแพ้อาหาร

  • ผู้ที่เคยทานอาหารได้ แต่ต่อมาถูกวินิจฉัยว่าแพ้อาหารและต้องการพิสูจน์ว่าแพ้หรือไม่
  • ผู้ที่เคยตรวจจากผลเลือดว่าแพ้อาหาร แต่ไม่มีอาการ
  • ผู้ที่เคยมีประวัติยืนยันว่าแพ้อาหาร แต่ต้องการรู้ว่าหายแล้วหรือยัง
  • ผู้ที่สงสัยว่าตนเองแพ้อาหาร แต่มีอาการแสดงไม่ชัดเจน


การแพ้อาหารอาจเกิดจากพันธุกรรมแต่กำเนิดหรือเพิ่งเกิดขึ้นตอนโตก็เป็นได้ เพราะฉะนั้นการทดสอบการแพ้อาหารกับแพทย์เฉพาะทางเพื่อให้มั่นใจก่อนเลือกรับประทานอาหารเข้าไปในร่างกายจะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดการแพ้รุนแรง ไม่แนะนำให้ใช้ยาแก้แพ้ เพราะอาจทำให้ร่างกายแพ้รุนแรงกว่าเดิมได้ ควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทางจะดีที่สุด


 


สอบถามเพิ่มเติมที่
ศูนย์โรคภูมิแพ้ และหอบหืด
ชั้น 3 อาคาร A โรงพยาบาลกรุงเทพ
วันจันทร์-พฤหัส และอาทิตย์ เวลา 8.00-17.00 น.
วันศุกร์-เสาร์  เวลา 8.00-16.00 น.

แชร์