ชักจากไข้สูง

2 นาทีในการอ่าน
ชักจากไข้สูง
โรงพยาบาลกรุงเทพตราด

ชักจากไข้สูง

อุณหภูมิปกติของร่างกายคนเราจะอยู่ที่ 36.0 – 37.5 องศาเซลเซียส ถ้าวัดไข้แล้วการที่จะบอกว่ามีไข้ต่ำๆ หรือมีไข้สูงเราดูจากปรอทวัดไข้ ถ้าอุณหภูมิที่วัดได้อยู่ระหว่าง 37.6 – 38.4 องศาเซลเซียส จัดว่ามีไข้ต่ำ ถ้าอุณหภูมิที่วัดได้ตั้งแต่ 38.5 องศาเซลเซียสขึ้นไป จัดว่ามีไข้สูง

สาเหตุของ อาการชักจากไข้สูง

  1. ติดเชื้อในระบบประสาท ถึงแม้จะพบได้ไม่บ่อยนักแต่เมื่อเกิดขึ้น อาจก่อให้เกิดความพิการรุนแรงได้ ดังนั้นเมื่อเกิดอาการชักร่วมกับไข้สูงโดยเฉพาะในเด็กอายุน้อยกว่า 1 ปี เด็กบางคนอาจต้องตรวจทางห้องปฏิบัติการอื่นๆ รวมถึงการตรวจน้ำไข้สันหลังซึ่งเป็นวิธีเดียวที่จะวินิจฉัยโรคติดเชื้อในระบบประสาท
    สำหรับเด็กทารกอายุน้อยกว่า 1 ปี แพทย์จะแนะนำให้ตรวจทุกราย เพราะการตรวจร่างกายในเด็กเล็กมักจะให้ผลไม่ชัดเจนเท่าเด็กโต ยกเว้นในรายที่ไม่สงสัยว่าจะมีการติดเชื้อในระบบประสาท
  2. ชักจากไข้ พบได้ในเด็กอายุระหว่าง 3 เดือนถึง 5 ปี มักเกิดภายใน 24 ชั่วโมงแรกที่มีไข้สูง ลักษณะการชักเป็นแบบเกร็งทั้งตัว หรือแบบกระตุกทั้งตัว ร่วมกับอาการเกร็ง โดยเกิดประมาณ 5 นาที ไม่เกิน 15 นาที อาการชักเช่นนี้ไม่ถือว่าเป็นโรค และอาจเกิดได้อีกพร้อมกับการมีไข้ โดยไม่ก่อให้เกิดความผิดปกติกับระบบประสาททั้งในระยะสั้นและระยะยาว และไม่ทำให้เกิดสมองพิการ

    เด็กที่มีอาการชักจากไข้นี้จะมีความสามารถในการเรียนพฤติกรรม และเชาว์ปัญญา (IQ) ไม่ด้อยกว่าเด็กที่ไม่เคยชักจากไข้ และมีทำให้มีสมาธิสั้น แต่อย่างไรก็ตามยังต้องดูแลป้องกัน ไม่ให้ลูกเกิดอาการชักเป็นดีที่สุด
  3. จากโรคลมชัก ที่เป็นอยู่ก่อนหน้าแล้วแต่ไม่ได้รับการวินิจฉัย แล้วเกิดอาการชักขึ้นเนื่องจากไข้เป็นสาเหตุกระตุ้นให้เกิดการชักร่วมกับมีไข้ พบได้ในเด็กจำนวนน้อยๆ เท่านั้น ซึ่งต้องมีการหาสาเหตุและได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง

หากปล่อยให้เด็กมีไข้สูงมากๆ จะมีผลเสียหรือมีอันตรายหรือไม่ อย่างไร?

ถ้าเราปล่อยให้เด็กมีไข้สูงมากๆ สิ่งที่จะตามมาคือ เด็กจะมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ เหตุผลที่คุณหมอให้ความสำคัญกับเรื่อง “ชักจากไข้” ก็เพราะภายหลังที่เด็กชักเกร็งจะมีผลเสียเกิดขึ้น ซึ่งผลเสียที่ว่าก็คือ เซลล์สมองบางส่วนจะขาดออกซิเจนยิ่งถ้าชักบ่อยๆ เกิน 3 ครั้งขึ้นไปในการเจ็บป่วยครั้งเดียวกัน อาจส่งผลให้เด็กกลายเป็นโรคลมชักสมองเสื่อม หรือปัญญาอ่อน เมื่อโตขึ้นได้

คุณจะป้องกันได้อย่างไร ไม่ให้เด็ก “ชักจากไข้”

วิธีป้องกันง่ายๆ คือ… “ลดไข้” ด้วยการรับประทานยาลดไข้ร่วมกับการเช็ดตัวลดไข้อย่างถูกวิธี เพราะฉะนั้นคุณพ่อ คุณแม่ต้องให้ความสำคัญกับการเช็ดตัวอย่างถูกวิธีด้วยเช่นกัน

คุณหมอแนะนำให้คุณพ่อ คุณแม่ทำดังนี้

  1. ใช้น้ำธรรมดา ถ้าน้ำเย็นมากให้ผสมน้ำเพื่อให้อุ่นขึ้น ไม่ควรใช้น้ำแข็ง
  2. ปิดพัดลม หรือเครื่องปรับอากาศ เพื่อไม่ให้เด็กหนาวสั่นขณะเช็ดตัว
  3. ถอดเสื้อผ้าเด็กออกให้หมด
  4. ใช้ผ้าผืนเล็ก และผืนกลางชุบน้ำให้ชุ่มบิดหมาด
  5. ใช้ผ้าผืนกลางคลุมตัวเด็ก เพื่อให้ความร้อนระบายออก
  6. ใช้ผ้าผืนเล็กเช็ดบริเวณหน้า แขน ขา เน้น บริเวณศีรษะ ซอกคอ ซอกรักแร้ ขาหนีบ เพื่อระบายความร้อน เนื่องจากบริเวณดังกล่าวเป็นที่รวมของเส้นเลือดจะระบายความร้อนได้ดี
  7. ให้เช็ดจากปลายมือ ปลายเท้าสู่ลำตัวโดยเช็ดย้อนรูขุมขนเพื่อให้ความร้อนระบาย
  8. เปลี่ยนน้ำเช็ดตัวบ่อยๆ เพื่อให้อุณหภูมิของน้ำคงที่
  9. เปลี่ยนผ้าชุบน้ำบ่อยๆ ทุก 2 – 3 นาที
  10. ใช้เวลาเช็ดตัวประมาณ 10 – 15 นาที
  11. หลังเช็ดตัว ควรซับตัวเด็กให้แห้ง แล้วสวมเสื้อผ้าเบาสบาย และให้นอนพัก
  12. วัดไข้ซ้ำในอีก 15 – 30 นาทีต่อมา
  13. ถ้าไข้ลดลง แสดงว่าการเช็ดตัวลดไข้ได้ผล
  14. ถ้าไข้ไม่ลด ให้เช็ดตัวลดไข้ใหม่อีกครั้ง
  15. ถ้าไข้ยังไม่ลดลงอีก คุณพ่อ คุณแม่ควรรีบพาเด็กไปพบแพทย์โดยด่วน

คุณหมอขอย้ำเรื่องการดูแลเด็กมีไข้เมื่ออยู่บ้านอีกครั้งว่า

  1. เมื่อเด็กมีไข้ให้เช็ดตัวลดไข้ และสังเกตอาการอื่นๆ ร่วมด้วย
  2. ถ้าพบว่าเด็กมีไข้สูง ซึมลง ไม่เล่น ไม่ทาน ให้รีบมาพบคุณหมอ ทันที
  3. คุณพ่อคุณแม่ควรจัดหาปรอทวัดไข้เอาไว้ประจำบ้าน
  4. ถ้าเด็กชักจากไข้สูงแล้ว ให้รีบพามาพบคุณหมอในทันที

 

สอบถามเพิ่มเติมที่

แผนกกุมารเวชกรรม

ชั้น 1 โรงพยาบาลกรุงเทพตราด