ความรู้ทั่วไปเรื่องไข้เลือดออก

2 นาทีในการอ่าน
ความรู้ทั่วไปเรื่องไข้เลือดออก
โรงพยาบาลกรุงเทพตราด

ความรู้ทั่วไปเรื่องไข้เลือดออก

ไข้เลือดออก ยังเป็นปัญหาสาธารณสุขของประเทศไทย และก่อให้เกิดความกังวลต่อผู้ป่วยเวลาเด็กมีไข้

สาเหตุของไข้เลือดออก

เป็นโรคติดต่อที่เกิดจากยุงลายตัวเมีย ซึ่งชอบออกหากินในเวลากลางวัน ตามบ้านเรือน และโรงเรียนชอบวางไข่ตามภาชนะที่มีน้ำขัง เช่น ยางรถยนต์ กะลา กระป๋อง จานรอง ขาตูกับข้าว ยุงลายบินไปกัดผู้ป่วยเป็นไข้เลือดออก โดยเฉพาะช่วงที่มีไข้สูงเชื้อไวรัสจะเพิ่มจำนวนในตัวยุงประมาณ  8-10 วัน

เชื้อเดงกี เป็นเชื้อไวรัสมีด้วยกัน 4 ชนิด (Serotype) Den1 , Den2 , Den3 และ Den4 พบว่าหลังจากปี 2543 เชื้อสายพันธุ์ที่สอง Den2 เริ่มกลับมาพบมากขึ้น และมีอัตราการตายสูง เนื่องจากเป็นเชื้อที่หากเป็นแล้วจะเกิดอาการรุนแรง

เมื่อไรจะสงสัยว่าเป็นไข้เลือดออก

  1. ไข้สูงลอยเฉียบพลัน 2-7 วัน เบื่ออาหาร หน้าแดงปวดศรีษะ ร่วมกับอาการคลื่นไส้ อาเจียน และอาจมีอาการ ปวดท้อง
  2. บางรายมีจุดเลือดขึ้นตามตัว เลือดกำเดาไหล
  3. ไข้ลด แต่ผู้ป่วยดูซึมลง ตัวเย็น หน้ามืด ปัสสาวะลดลง

การดำเนินของโรค DHF

มี 3 ระยะ คือ

  1.  ระยะไข้สูง ส่วนใหญ่ไข้สูง 39-41 องศาเซลเซียส นาน 2-7 วัน หน้าแดง ปวดศีรษะ เบื่ออาหาร ปวดท้อง อาเจียน ปวดตามตัว มีจุดเลือดออกที่ผิวหนัง หรืออวัยวะอื่นและไม่พบอาการไข้หวัดชัดเจน
  2. ระยะวิกฤติ/ช็อก เป็นระยะที่มีการรั่วของพลาสม่า ไข้มักลดลงอย่างรวดเร็ว มีอาการกระสับกระส่าย มือเท้าเย็นชีพจรเบา บางรายถึงกับภาวะช็อก ระยะนี้ประมาณ 24-48 ชั่วโมง หลังไข้ลดลง
  3. ระยะพักฟื้น เป็นระยะที่มีการดูดกลับของพลาสม่า เข้าสู่กระแสโลหิต ผู้ป่วยอาการดีขึ้น เริ่มอยากอาหาร คัน ปัสสาวะเพิ่มขึ้น บางรายจะเห็นวงยาวกระจายอยู่ในพื้นสีแดง

ป้องกัน ดีกว่า รักษา

1. ป้องกันไม่ให้ยุงกัด

  •  นอนกางมุ้ง โดยเฉพาะในเวลากลางวัน
  • ไม่ควรเล่นในที่อับและมืด ที่ทำงานหรือที่เรียนควรโล่ง มีลมพัดผ่าน

 2. การกำจัดยุง

  •  กำจัดแหล่งเพราะพันธุ์ยุง และลูกน้ำยุงลาย
  • พ่นสารเคมีบริเวณแหล่งเพาะพันธุ์ยุง

หากผู้ป่วยมีอาการต่อไปนี้ รีบพาไปพบแพทย์

  1. ผู้ป่วยมีอาการทรุดลงเมื่อมีไข้ลด
  2. เลือดออกผิดปกติ
  3. อาเจียนมาก หรือปวดท้องมาก
  4. กระหายน้ำตลอดเวลา
  5. ซึมมาก ไม่ดื่มน้ำ
  6. มีอาการช็อกคือ มือ-เท้าเย็น กระสับกระส่าย เหงื่อออก ตัวลาย ปัสสาวะลดลง

การดูแลรักษาผู้ป่วยไข้เลือดออกเดงกี

1.ระยะไข้สูง

  • เช็ดตัวลดไข้ กินยาพาราเซตามอล เมื่อไข้สูงแต่ไม่ควรถี่กว่า 4 ชั่วโมง
  • ห้ามใช้ยาแอสไพริน ยาพวก NSAID
  • อาหารแนะนำ อาหารอ่อน ย่อยง่าย ดื่มนม น้ำผลไม้ หรือเกลือแร่ แทนน้ำเปล่า
  • ควรงดกินอาหารหรือน้ำ ที่มีสีแดงหรือดำ
  • ควรหลีกเลี่ยงยาที่ไม่จำเป็น เนื่องจากยาบางอย่างอาจจะทำให้มีเลือดออกมาก หรือเป็นพิษต่อตับ หรือไตได้

2. ระยะวิกฤต / ช็อก

  • ผู้ป่วยจะได้รับการดูแลเอาใจใส่จากแพทย์ และพยาบาลอย่างใกล้ชิด โดยมีการปรับน้ำเกลือ ให้เหมาะสมกับสัญญาณชีพ ปริมาณปัสสาวะของผู้ป่วย
  • ทำการห้ามเลือด ในผู้ป่วยที่มีเลือดออก
  • ให้สารน้ำเกลือให้เหมาะสม

3. ระยะพักฟื้น

  • ควรให้ผู้ป่วยพัก ไม่ให้มีการกระทบกระแทก และแนะนำให้ผู้ป่วยกินผลไม้มากๆ เพื่อลดอาการท้องอืดจากการขาดโปแตสเซียม

สอบถามเพิ่มเติมที่

แผนกอายุรกรรมทั่วไป

ชั้น 1 โรงพยาบาลกรุงเทพตราด

08.00 - 20.00 น. ทุกวัน