โรคหลอดเลือดหัวใจ (Coronary Artery Disease) เป็นหนึ่งในสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้น ๆ ของโลก และเป็นปัญหาสุขภาพที่ส่งผลต่อคนทุกช่วงวัย โดยเฉพาะผู้ที่มีพฤติกรรมเสี่ยง เช่น การสูบบุหรี่ รับประทานอาหารที่มีไขมันสูง ไม่ออกกำลังกาย หรือมีโรคประจำตัว เช่น เบาหวานและความดันโลหิตสูง
โรคนี้เกิดจากการสะสมของคราบไขมัน พังผืดและหินปูน (Plaque) บริเวณผนังหลอดเลือดหัวใจ ทำให้หลอดเลือดตีบแคบลง การไหลเวียนของเลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจลดลง ส่งผลให้เกิดอาการเจ็บหน้าอก หายใจลำบาก หรือในกรณีรุนแรงอาจเกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน และอาจเสียชีวิตได้
สาเหตุของโรคหลอดเลือดหัวใจ
- คอเลสเตอรอลและความดันโลหิตสูง: ทำให้หลอดเลือดแข็งและเกิดการอุดตัน
- การสูบบุหรี่: เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ โดยสารนิโคตินและคาร์บอนมอนอกไซด์ทำให้หัวใจทำงานหนักและเลือดจับตัวเป็นลิ่มง่ายขึ้น
- เบาหวาน: เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจมากกว่า 2 เท่า
อาการของโรคหลอดเลือดหัวใจ
- เจ็บหน้าอก (Angina): อาการแน่นหน้าอกเหมือนถูกกดทับ
- หายใจลำบาก: เกิดจากกล้ามเนื้อหัวใจทำงานน้อยลง ทำให้หัวใจสูบฉีดเลือดได้ไม่เต็มที่
- กล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน (Heart Attack): เมื่อหลอดเลือดอุดตันอย่างฉับพลัน ทำให้เลือดไม่สามารถไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจได้
การวินิจฉัยและการรักษา
หนึ่งในวิธีวินิจฉัยที่สำคัญคือ การฉีดสีสวนหลอดเลือดหัวใจ (Cardiac Catheterization) โดยการใส่สายสวนผ่านทางหลอดเลือดที่ขาหนีบหรือข้อมือเข้าไปยังหัวใจ เพื่อตรวจสอบว่าหลอดเลือดหัวใจตีบหรืออุดตันหรือไม่
- ตำแหน่งที่นิยมคือ หลอดเลือดแดงที่ขา (Femoral Artery) แต่มีข้อจำกัดเรื่องการพักฟื้น
- ปัจจุบันนิยมใช้ หลอดเลือดแดงที่ข้อมือ (Radial Artery) มากขึ้นเพื่อลดภาวะแทรกซ้อนและผู้ป่วยฟื้นตัวได้เร็ว
แนวทางการรักษาแบบเฉพาะบุคคล
การรักษาที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงและลักษณะของโรค โดยมีแนวทางดังนี้
- การวิเคราะห์หลอดเลือดแบบละเอียด (QCA: Quantitative Coronary Analysis)
ใช้ข้อมูลจากภาพถ่ายรังสีวัดความตีบของหลอดเลือดแบบเชิงปริมาณ แทนการประเมินด้วยสายตา - การวัดอัตราการไหลเวียนเลือด (FFR: Fractional Flow Reserve)
ใช้สายวัดความดันเพื่อประเมินว่าจุดที่ตีบควรได้รับการรักษาหรือไม่ หากค่า FFR < 0.80 แสดงว่าการไหลเวียนเลือดไม่เพียงพอและควรขยายหลอดเลือด- แนวโน้มในอนาคตจะใช้เทคโนโลยี QFR (Quantitative Flow Ratio) ซึ่งผสมผสาน QCA และ FFR เพื่อประเมินแบบไม่ต้องใส่สายวัด
- การเลือกวิธีรักษาโดยอิงจากคะแนน Syntax
- คะแนนต่ำ (ตีบ 1–2 เส้นเลือด): ใช้การทำบอลลูนขยายหลอดเลือดหรือใส่ขดลวด (Stent)
- คะแนนสูง (ตีบหลายเส้นเลือดหรือซับซ้อน): พิจารณาผ่าตัดทำทางเบี่ยงหลอดเลือดหัวใจ (CABG) โดยทีมแพทย์สหสาขา (Heart Team)
บทความโดย: นพ. ปริญญา ชมแสงการรักษาและเทคโนโลยี









