ความดัน เบาหวาน ตัวการโรคไตเรื้อรัง

5 นาทีในการอ่าน
ความดัน เบาหวาน ตัวการโรคไตเรื้อรัง
โรงพยาบาลกรุงเทพ สำนักงานใหญ่

เพราะไตมีหน้าที่ขับของเสียออกจากร่างกายและปรับสมดุลเกลือแร่กรดด่างให้เป็นปกติ หากป่วยเป็นโรคไตเรื้อรังนอกจากไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้แล้วยังต้องได้รับการดูแลรักษาเพื่อชะลอความเสื่อมของไต หากไม่ได้รับการดูแลรักษาอย่างต่อเนื่อง ไตสามารถเสื่อมการทำงานได้รวดเร็วกว่าผู้ที่ได้รับการติดตามอย่างใกล้ชิด หากไตเสื่อมถึงระยะสุดท้ายหรือไตวายจนหยุดทำงาน สามารถเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้หากไม่ได้รับการบำบัดทดแทนไต

โรคไตเรื้อรังคืออะไร

โรคไตเรื้อรัง (Chronic Kidney Disease) คือ ภาวะที่ไตทำงานลดลงอย่างต่อเนื่องจนเกิดความเสื่อมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อการทำงานของไตผิดปกติมากกว่า 3 เดือนขึ้นไปจะเรียกว่าโรคไตเรื้อรัง ซึ่งระดับความเสื่อมของไตจะแตกต่างกันในแต่ละบุคคล บางคนค่อย ๆ เสื่อม บางคนเสื่อมอย่างรวดเร็ว ที่น่ากังวลคือระยะเริ่มแรกของโรคไตมักไม่มีอาการจะพบว่าไตทำงานผิดปกติเมื่อตรวจเลือดหรือตรวจปัสสาวะ การตรวจสุขภาพประจำปีจึงสำคัญอย่างมาก ยิ่งพบเร็วรักษาเร็วย่อมช่วยลดความรุนแรง

โรคไตเรื้อรังเกิดจากอะไร

  • เบาหวาน
  • ความดันโลหิตสูง
  • โรคเกาต์
  • โรคอ้วน
  • ไตอักเสบ ถุงน้ำในไต และโรคไตจากกรรมพันธุ์อื่น ๆ
  • การใช้ยาแก้ปวดหรือยาสมุนไพรบางชนิดติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน
  • พฤติกรรมดื่มน้ำน้อย หรือชอบรับประทานอาหารรสเค็ม
  • การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะซ้ำ ๆ

ความดัน เบาหวาน ตัวการโรคไตเรื้อรัง

ความดันกับโรคไตเรื้อรัง

ความดันโลหิตสูงเป็นสาเหตุสำคัญอันดับต้น ๆ ของโรคไต ความดันโลหิตที่สูงเป็นเวลานานจะทำให้หลอดเลือดภายในไตเกิดความเสียหาย โดยเฉพาะหลอดเลือดฝอยที่กรองของเสีย เมื่อหลอดเลือดไตเสียหาย การทำงานของไตในการกรองของเสียและเกลือแร่จะลดลง ส่งผลให้เกิดโรคไตเรื้อรัง การควบคุมสมดุลของเกลือ น้ำ และฮอร์โมนต่าง ๆ ที่ควบคุมความดันโลหิตจะเสียสมดุลตามมา ไตที่ทำงานผิดปกติจะกระตุ้นให้หลอดเลือดหดตัวและเพิ่มการคั่งของโซเดียมเป็นวงจรย้อนกลับไปทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้นได้อีกทางหนึ่ง

ที่น่ากังวลคือผู้ป่วยหลายคนไม่รู้ว่าตนเองเป็นความดันโลหิตสูง เพราะมักไม่แสดงอาการ มักรู้ตัวอีกทีเมื่อความดันโลหิตสูงมาก จะมีอาการปวดศีรษะท้ายทอย มึนงง คลื่นไส้ อาเจียน หน้ามืดคล้ายเป็นลม การวัดความดันจึงมีความสำคัญ หากค่าความดันตัวบนมากกว่า 130 มิลลิเมตรปรอท และค่าความดันตัวล่างมากกว่า 80 มิลลิเมตรปรอท แสดงว่าเสี่ยงเป็นโรคความดันโลหิตสูง ควรรีบพบแพทย์ทันที

เบาหวานกับโรคไตเรื้อรัง

เบาหวานคือสาเหตุอันดับหนึ่งของโรคไตเรื้อรังในปัจจุบัน ผลของการมีภาวะน้ำตาลในเลือดสูงเป็นเวลานานนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่หลอดเลือดฝอยของไต มีการนำเลือดเข้าสู่ไตมากขึ้น ในขณะเดียวกันมีการตีบของหลอดเลือดขาออกจากไต จึงทำให้มีการเพิ่มขึ้นของความดันในหน่วยกรองไต เมื่อถึงจุดหนึ่งจะทำให้โปรตีนรั่วออกมาในปัสสาวะ หากมีโปรตีนรั่วออกมาในปริมาณมากจะการทำงานของไตเสื่อมลงอย่างรวดเร็ว

ความดัน เบาหวาน ตัวการโรคไตเรื้อรัง

ระยะเสื่อมของโรคไตเรื้อรัง

ไตเรื้อรังแบ่งระยะความเสื่อมออกเป็น 5 ระยะตามค่าการกรองของไต (GFR) ได้แก่

  • ไตเรื้อรังระยะที่ 1 ไตทำงานได้ปกติ ค่าการกรองของไต (GFR) มากกว่า 90 มล./นาที เริ่มพบโปรตีนรั่วในปัสสาวะหรือเม็ดเลือดขาวเม็ดเลือดแดงในปัสสาวะ มักไม่แสดงอาการปรากฏในระยะนี้
  • ไตเรื้อรังระยะที่ 2 ไตเรื้อรังระยะเริ่มต้น ค่าการกรองของไต (GFR) 60 – 89 มล./นาที ไตทำงานได้ 60 – 90% ยังไม่แสดงอาการชัดเจนมากนัก
  • ไตเรื้อรังระยะที่ 3 ไตเรื้อรังระยะปานกลาง ค่าการกรองของไต (GFR) 30 – 59 มล./นาที ไตทำงานได้ 30 – 60% เริ่มแสดงอาการโรคไต เช่น อ่อนเพลีย บวม ปัสสาวะผิดปกติ เป็นต้น
  • ไตเรื้อรังระยะที่ 4 ไตเรื้อรังระยะรุนแรง ค่าการกรองของไต (GFR) 15 – 29 มล./นาที ไตทำงานได้ 15 – 30% มีอาการโรคไตชัดเจน เช่น ความดันโลหิตสูง บวมเพิ่มขึ้น เป็นต้น
  • ไตเรื้อรังระยะที่ 5 ไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายหรือไตล้มเหลว ค่าการกรองของไต (GFR) น้อยกว่า 15 มล./นาที ไตทำงานได้น้อยกว่า 15% เกิดของเสียสะสมในเลือดอาการโรคไตรุนแรงเช่นหายใจลำบากคลื่นไส้อาเจียนเป็นต้น

อาการของโรคไตเรื้อรังเป็นอย่างไร

ไตเรื้อรังในช่วงแรกจะไม่แสดงอาการ แต่เมื่อไตเสื่อมเพิ่มขึ้นอาการจะรุนแรงมากขึ้น ได้แก่

  • ปัสสาวะผิดปกติ เช่น ปัสสาวะบ่อยช่วงกลางคืน ปัสสาวะน้อยลงตอนกลางวัน ปัสสาวะมีฟอง ปัสสาวะขัด ปัสสาวะมีเลือดปน 
  • บวมที่ใบหน้า โดยเฉพาะเปลือกตาและขาทั้งสองข้าง โดยเฉพาะช่วงตื่นนอนตอนเช้า กดที่หน้าแข้งจะเกิดรอยบุ๋มลงไป
  • คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร
  • ซีดโลหิตจางอ่อนเพลียเหนื่อยง่าย
  • คันตามผิวหนังผิวแห้งผิวคล้ำลง
  • หอบเหนื่อย นอนราบไม่ได้ หายใจลำบาก จากภาวะน้ำท่วมปอด เนื่องจากขับปัสสาวะไม่ได้
  • ความดันโลหิตสูงที่ควบคุมได้ยาก
  • สมรรถภาพทางเพศลดลง

ความดัน เบาหวาน ตัวการโรคไตเรื้อรัง

ตรวจวินิจฉัยโรคไตเรื้อรังอย่างไร

การตรวจวินิจฉัยไตเรื้อรังต้องตรวจกับแพทย์เฉพาะทางที่มีความชำนาญ มีหลายวิธี ได้แก่

  • ซักประวัติและตรวจร่างกายอย่างละเอียด โดยแพทย์เฉพาะทางโรคไตเพื่อประเมินโรคไตเรื้อรัง
  • ตรวจเลือดเพื่อประเมินค่าการทำงานของไต และค่าเกลือแร่ต่าง ๆ ในเลือด ทำให้ทราบประสิทธิภาพการทำงานของไตและระยะไตเรื้อรัง
  • ตรวจปัสสาวะเพื่อประเมินการปนเปื้อนของโปรตีนและเม็ดเลือดแดงที่รั่วมากับปัสสาวะ
  • ตรวจอัลตราซาวนด์ไต เพื่อพิจารณาโครงสร้างไตอย่างละเอียด
  • ตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT Scan) เพื่อประเมินไต ก้อนหรือเนื้องอก และรอยโรคอื่นๆ ของไต
  • ตรวจชิ้นเนื้อไต ในกรณีที่ไตถูกทำลายในระยะรุนแรงเพื่อวางแผนการรักษาอย่างเหมาะสม

ความดัน เบาหวาน ตัวการโรคไตเรื้อรัง

รักษาโรคไตเรื้อรังได้อย่างไร

การรักษาโรคไตเรื้อรังขึ้นอยู่กับสาเหตุ ระยะเสื่อมโรคไตเรื้อรัง ความรุนแรง และโรคร่วมที่มี โดยสามารถแบ่งเป็นการชะลอความเสื่อมในโรคไตเรื้อรังตั้งแต่ระยะเริ่มต้น เพื่อให้ไตสามารถทำงานต่อไปได้นานที่สุด และการบำบัดทดแทนไตในกรณีไตไม่ทำงานแล้ว ดังนี้

  1. ชะลอการเสื่อมของไตตามที่แพทย์แนะนำ ได้แก่ การปรับพฤติกรรม ลดอาหารรสเค็ม รับประทานโปรตีนให้เหมาะสม ควบคุมโรคประจำตัวโดยเฉพาะเบาหวานและความดันโลหิตสูงให้ดี รักษาน้ำหนักให้ไม่เกินเกณฑ์ งดสูบบุหรี่ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ รับประทานยาตามที่แพทย์สั่ง เช่น ยาขับปัสสาวะ ยาลดความดันโลหิต ฯลฯ
  2. บำบัดทดแทนไต (Renal Replacement Therapy) เป็นวิธีการรักษาผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังในระยะที่ 5 เพื่อกำจัดของเสียอออกจากร่างกาย เพราะไตไม่สามารถทำงานได้ แบ่งออกเป็น 3 วิธี ได้แก่
    • ฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม (Hemodialysis) นำเลือดผ่านเครื่องไตเทียมไปยังตัวกรองเพื่อกำจัดของเสียแล้วนำเลือดที่ฟอกแล้วกลับสู่ผู้ป่วย ระดับของเสียในร่างกายจึงลดลง อาจต้องทำการผ่าตัดเตรียมเส้นเลือดก่อนฟอกเลือด
    • ล้างไตทางช่องท้อง (Peritoneal Dialysis) โดยผ่าตัดใส่สายยางสำหรับใส่น้ำยาล้างไตทางช่องท้องแล้วใส่น้ำยาล้างไตเข้าไปในช่องท้อง เมื่อครบตามเวลาที่กำหนดก็ปล่อยน้ำยาล้างไตทิ้งและเปลี่ยนใส่ถุงใหม่เข้าไป ซึ่งปัจจุบันมีการล้างไตทางช่องท้องด้วยเครื่องอัตโนมัติ (APD) ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในชีวิตประจำวันแก่ผู้ป่วยมากยิ่งขึ้น
    • การปลูกถ่ายไต (Kidney Transplantation) ใช้รักษาผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังระยะสุดท้ายโดยผ่าตัดนำไตที่เข้ากันได้กับผู้ป่วยซึ่งมาจากผู้บริจาคไตที่ยังมีชีวิตหรือผู้บริจาคไตที่เสียชีวิตมาทดแทนไตเก่าของผู้ป่วยที่ไม่สามารถทำหน้าที่ได้แล้ว ซึ่งวิธีนี้เป็นการรักษาที่ดีที่สุดเพราะการบำบัดทดแทนไตช่วยให้ผู้ป่วยกลับมาใช้ชีวิตได้ใกล้เคียงปกติ

ป้องกันโรคไตเรื้อรังได้อย่างไร

  • หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด โดยเฉพาะอาหารเค็ม อาหารหวานอและอาหารมัน
  • นอนหลับพักผ่อน 7 – 8 ชั่วโมงต่อวัน
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอต่อร่างกาย 8 – 10 แก้วต่อวัน
  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
  • งดสูบบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
  • จัดการความเครียดอย่างเหมาะสม
  • ควบคุมน้ำหนักให้ไม่เกินเกณฑ์
  • ตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง
  • หากมีอาการผิดปกติหรือมีความเสี่ยงควรตรวจคัดกรองโรคไตกับแพทย์เฉพาะทางทันที

โรงพยาบาลที่พร้อมดูแลรักษาโรคไตแบบครบองค์รวม

ศูนย์โรคไต โรงพยาบาลกรุงเทพ พร้อมให้การตรวจวินิจฉัยและดูแลรักษาโรคไตวายเรื้อรัง โดยแพทย์เฉพาะทางที่มีความชำนาญ พยาบาล และทีมสหสาขา พร้อมอุปกรณ์และเทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่อให้ไตกลับมาทำงานเป็นปกติ ใช้ชีวิตได้อย่างมั่นใจในทุกวัน

แพทย์ที่ชำนาญการรักษาโรคไต

นพ.มาโนช เตชะโชควิวัฒน์ อายุรแพทย์โรคไต ศูนย์โรคไต โรงพยาบาลกรุงเทพ

สามารถคลิกที่นี่เพื่อทำนัดหมายได้ด้วยตนเอง

ข้อมูลโดย

Doctor Image

นพ. มาโนช เตชะโชควิวัฒน์

อายุรศาสตร์

อายุรศาสตร์โรคไต

นพ. มาโนช เตชะโชควิวัฒน์

อายุรศาสตร์

อายุรศาสตร์โรคไต
Doctor profileDoctor profile

สอบถามเพิ่มเติมที่

ศูนย์โรคไต

ชั้น 3 อาคาร C โรงพยาบาลกรุงเทพ

เปิดให้บริการ ทุกวัน เวลา 08.00 – 16.00 น.