ฮีทสโตรกขาดน้ำมาก ลดน้ำหนักไว เสี่ยงไตวายเฉียบพลัน

4 นาทีในการอ่าน
ฮีทสโตรกขาดน้ำมาก ลดน้ำหนักไว เสี่ยงไตวายเฉียบพลัน
โรงพยาบาลกรุงเทพ สำนักงานใหญ่

ไตวายเฉียบพลันสามารถเกิดขึ้นได้แบบไม่คาดคิด โดยไตจะเสียการทำงานในเวลาอันรวดเร็ว ทำให้ร่างกายเสียสมดุล และกระทบกับเกลือแร่และการขับของเสียต่าง ๆ ในร่างกาย ซึ่งเป็นอันตรายอย่างยิ่ง หากไม่ได้รับการรักษาทันท่วงที โดยเฉพาะในนักกีฬาหรือคนออกกำลังกายที่เสียน้ำมาก หรือภาวะขาดน้ำจากฮีทสโตรก และคนที่ลดน้ำหนักเร็วเกินไป เสี่ยงไตวายเฉียบพลันได้โดยไม่ทันตั้งตัว ซึ่งต้องรีบรักษาก่อนสายเกินไป

 

ไตวายเฉียบพลันคืออะไร

ไตวายเฉียบพลัน (Acute Kidney Injury) คือ ภาวะที่ไตสูญเสียการทำงานแบบเฉียบพลัน ทั้งการกรองของเสียในร่างกายและการขับของเสียออกจากร่างกาย ส่งผลให้ร่างกายเสียสมดุลน้ำ เกลือแร่ แร่ธาตุ และเกิดภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ตามมา ควรต้องรีบรักษาทันทีก่อนร้ายแรงถึงชีวิตได้ ซึ่งระยะเวลาของไตวายเฉียบพลันจะเกิดขึ้นในไม่กี่ชั่วโมง ไม่กี่วัน ไม่กี่สัปดาห์ แต่ต้องรีบฟื้นฟูไตให้กลับมาปกติโดยเร็วที่สุด

ไตวายเฉียบพลันเกิดจากอะไร

ไตวายเฉียบพลันเกิดได้จากหลากหลายสาเหตุ ได้แก่

  • สารน้ำลดลงจนร่างกายเข้าสู่ภาวะขาดน้ำ เช่น ท้องเสียรุนแรง เสียเหงื่อมาก ฮีทสโตรก อาเจียนเป็นเลือด อุบัติเหตุที่เสียเลือดมาก และปัญหาสุขภาพต่าง ๆ
  • การติดเชื้อ ทั้งติดเชื้อในร่างกายและติดเชื้อในกระแสเลือด อาจทำให้เกิดการช็อกได้
  • รับประทานยาที่มีผลต่อไต อาจทำให้ไตวายเฉียบพลัน เช่น ยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDs ยาคลายเส้นยาสมุนไพร
  • ทางเดินปัสสาวะอุดตัน ทำให้ปัสสาวะไม่ออกและไตวายเฉียบพลันได้ เช่น นิ่ว ต่อมลูกหมากโต มะเร็งบางชนิด
  • สาเหตุอื่น เช่น ความดันโลหิตสูงหรือต่ำเกินไป โรคตับ โรคเกาต์

ฮีทสโตรกขาดน้ำมาก ลดน้ำหนักไว เสี่ยงไตวายเฉียบพลัน

ทำไมขาดน้ำมากถึงไตวายเฉียบพลัน

เมื่อร่างกายขาดน้ำเป็นเวลานานอาจเข้าสู่ภาวะขาดน้ำ (Dehydration) ซึ่งภาวะขาดน้ำนี้เองเป็นหนึ่งในปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่นำไปสู่ฮีทสโตรกได้ โดยเฉพาะในผู้ที่มีการสัมผัสกับอากาศร้อนเป็นเวลานาน ๆ นักกีฬาที่ออกกำลังกายโดยใช้กำลังมาก หรือมีประวัติเป็นโรคลมแดดร่วมด้วย มีเสี่ยงไตวายเฉียบพลันเพราะ

  • เลือดหนืดส่งผลต่อการไหลเวียนของเลือดและทำให้ไตทำงานหนัก
  • ภาวะไม่สมดุลของระดับเกลือแร่ในร่างกาย (Electrolyte Imbalance)
  • ภาวะกล้ามเนื้อสลาย (Rhabdomyolysis) จากการที่อยู่กลางแดดแรงและออกแรงมาก ทำให้ของเสียจากกล้ามเนื้อไปอุดตันในท่อไต กระตุ้นให้กล้ามเนื้อสลายและไตวายเฉียบพลันได้
  • ภาวะขาดน้ำในผู้สูงอายุ จากการที่ดื่มน้ำน้อยเกินไป ปัสสาวะมากเกินไป สูญเสียน้ำจากโรค เช่น อาหารเป็นพิษจึงอาเจียนและท้องเสีย เสียน้ำผ่านบาดแผลที่ผิวหนัง เช่น แผลไฟไหม้ เหงื่อออกมากเกินไปจากไข้หรือออกกำลังกายนาน

ทำไมลดน้ำหนักไวเกินไป ถึงไตวายเฉียบพลัน

การลดน้ำหนักเร็วเกินไปอาจทำให้ไตวายเฉียบพลันจากการขาดน้ำและเกลือแร่มากจนไตขาดเลือดและไม่สามารถทำหน้าที่ได้ตามปกติ เพราะผู้ที่ลดน้ำหนักบางคนมักดื่มน้ำน้อย ไม่ดื่มน้ำ รวมถึงบางคนรับประทานยาขับปัสสาวะเพื่อให้น้ำหนักลดลงเร็วที่สุด ทำให้ปัสสาวะบ่อยส่งผลให้ขาดน้ำ อาจเกิดไตวายเฉียบพลันได้ โดยเฉพาะในผู้ที่ลดน้ำหนักแบบหักโหม อยากลดน้ำหนักให้เร็วทันใจ ซึ่งการลดน้ำหนักให้ถูกวิธีและค่อยเป็นค่อยไปคือวิธีที่ดีที่สุด เพราะไม่เพียงช่วยให้ร่างกายไม่เสียสมดุล น้ำหนักคงที่ในระยะยาว ยังช่วยให้ไม่เกิดปัญหาสุขภาพต่าง ๆ ตามมา รวมถึงไตวายเฉียบพลันที่ร้ายแรงกว่าที่คาดคิด

ฮีทสโตรกขาดน้ำมาก ลดน้ำหนักไว เสี่ยงไตวายเฉียบพลัน

ไตวายเฉียบพลันอาการเป็นอย่างไร

อาการไตวายเฉียบพลันมีหลากหลายอาการจึงต้องสังเกตตนเองอยู่เสมอ อาทิ

  • บวมน้ำ แขนขาบวม หน้าบวม ตาบวม
  • ตะคริวตอนกลางคืนนอนไม่หลับ
  • ปัสสาวะออกลดลงหรือไม่มีปัสสาวะเลย
  • คลื่นไส้ อาเจียน เบื่อหรือซึมลงจากของเสียที่คั่งในกระแสเลือด
  • กล้ามเนื้ออ่อนแรง ปวดเมื่อยตัวรุนแรง
  • หากซีด เลือดจางอาจถึงขั้นหมดสติและเสียชีวิตได้

ตรวจวินิจฉัยไตวายเฉียบพลันอย่างไร

การตรวจวินิจฉัยไตวายเฉียบพลันต้องตรวจกับแพทย์เฉพาะทางที่มีความชำนาญ มีหลายวิธี ได้แก่

  • ซักประวัติและตรวจร่างกายอย่างละเอียด โดยแพทย์เฉพาะทางโรคไตเพื่อประเมินความเสี่ยงไตวายเฉียบพลัน
  • ตรวจเลือดเพื่อประเมินค่าการทำงานของไต ได้แก่
    • ตรวจค่าไนโตรเจนจากสารยูเรียในเลือด (Blood urea nitrogen: BUN) เพื่อวัดปริมาณไนโตรเจนจากสารยูเรียในเลือด
    • ตรวจค่าครีเอตินิน (Creatinine) เพื่อประเมินของเสียจากการเผาผลาญการใช้งานกล้ามเนื้อจากอวัยวะในร่างกาย
    • ตรวจวัดค่าอัตราการกรองของไต (eGFR) เพื่อตรวจเช็กอัตราการคัดกรองของเสียในไตและประเมินประสิทธิภาพการทำงานของไต
    • ตรวจวัดเกลือแร่ต่าง ๆในเลือด เพื่อแก้ไขและควบคุมให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
  • ตรวจปัสสาวะเพื่อประเมินการปนเปื้อนของโปรตีนและเม็ดเลือดแดง บ่งบอกความผิดปกติในไต หากไตมีปัญหาอาจพบโปรตีนและเม็ดเลือดแดงรั่วมากับปัสสาวะ
  • ตรวจอัลตราซาวนด์ไต เพื่อค้นหาความผิดปกติต่าง ๆ ผ่านโครงสร้างไต
  • ตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT Scan) เพื่อประเมินลักษณะไตและการอุดกั้นในระบบทางเดินปัสสาวะ

ฮีทสโตรกขาดน้ำมาก ลดน้ำหนักไว เสี่ยงไตวายเฉียบพลัน

รักษาไตวายเฉียบพลันได้อย่างไร

การรักษาไตวายเฉียบพลันขึ้นอยู่กับสาเหตุเป็นสำคัญ โดยแพทย์จะประเมินการรักษาอย่างเหมาะสม หากรักษาได้ทันเวลา ไตมักกลับมาทำงานได้เป็นปกติ และป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้ แต่ถ้ารักษาไม่ทันอาจไตวายเรื้อรังได้ ซึ่งการรักษามีหลายวิธี ได้แก่

  • หยุดยาที่มีส่วนทำให้ไตวาย ปรับปริมาณยาให้เหมาะกับการทำงานของไตที่ลดลง
  • ให้สารน้ำทดแทนในผู้ป่วยที่มีภาวะขาดน้ำ ดื่มเกลือแร่ที่เหมาะสม เฝ้าระวังอาการช็อก
  • ปรับสารอาหาร พลังงาน ปริมาณโปรตีนให้เหมาะกับผู้ป่วยไตวายเฉียบพลัน
  • ควบคุมปริมาณน้ำเข้าออกร่างกายให้สมดุลและควบคุมน้ำหนักตัวไม่ให้เพิ่มขึ้น
  • บำบัดทดแทนไต เมื่อไตทำงานน้อยหรือไม่ทำงาน อาจต้องใช้เครื่องฟอกไตเทียมเพื่อกำจัดของเสียจนกว่าไตจะกลับมาทำงานเป็นปกติ

ไตวายเฉียบพลันกลายเป็น ไตวายเรื้อรังได้ไหม

ไตวายเฉียบพลันและไตวายเรื้อรังเป็นการสูญเสียการทำงานของไต แต่ไตวายเฉียบพลันจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว อาการมักรุนแรง ถ้ารักษาเร็วมักกลับมาเป็นปกติได้ ส่วนไตวายเรื้อรังจะเกิดขึ้นอย่างช้า ๆ เป็นระยะเวลานาน ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ ทำได้เพียงชะลอความเสื่อมและความรุนแรงที่จะเกิดขึ้น 

ป้องกันไตวายเฉียบพลันได้อย่างไร

  • หลีกเลี่ยงการซื้อยาแก้ปวดรับประทานเอง หรือการใช้ยาแก้ปวดต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน ควรมีการปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทานยาทุกครั้ง
  • หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารเสริมหรือสมุนไพรด้วยตนเอง เนื่องจากบางชนิดสามารถทำให้เกิดไตวายฉับพลันได้
  • เลี่ยงอาหารเค็มจัด หวานจัด มันจัด
  • นอนหลับพักผ่อนให้ได้ 7 – 8 ชั่วโมงต่อวัน
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอต่อร่างกาย 8 – 10 แก้วต่อวัน
  • ไม่ออกกำลังกายหนัก
  • จัดการความเครียดอย่างเหมาะสม
  • งดสูบบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
  • ตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง
  • หากผู้ป่วยมีโรคไตเรื้อรังอยู่เดิม ควรปรึกษาแพทย์ผู้ดูแลก่อนทำหัตถการใด ๆ ที่มีการฉีดสารทึบรังสี เนื่องจากมีความเสี่ยงของการเกิดไตวายเฉียบพลันมากกว่าบุคคลทั่วไป
  • หากมีอาการผิดปกติหรือมีความเสี่ยงควรตรวจคัดกรองโรคไตกับแพทย์เฉพาะทางทันที

โรงพยาบาลที่พร้อมดูแลรักษาโรคไตแบบครบองค์รวม

ศูนย์โรคไต โรงพยาบาลกรุงเทพ พร้อมให้การตรวจวินิจฉัยและดูแลรักษาโรคไตวายเฉียบพลัน โดยแพทย์เฉพาะทางที่มีความชำนาญ พยาบาล และทีมสหสาขา พร้อมอุปกรณ์และเทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่อให้ไตกลับมาทำงานเป็นปกติ ใช้ชีวิตได้อย่างมั่นใจในทุกวัน

แพทย์ที่ชำนาญการรักษาโรคไต

นพ.มาโนช เตชะโชควิวัฒน์ อายุรแพทย์โรคไต ศูนย์โรคไต โรงพยาบาลกรุงเทพ

สามารถคลิกที่นี่เพื่อทำนัดหมายได้ด้วยตนเอง

ข้อมูลโดย

Doctor Image

นพ. มาโนช เตชะโชควิวัฒน์

อายุรศาสตร์

อายุรศาสตร์โรคไต

นพ. มาโนช เตชะโชควิวัฒน์

อายุรศาสตร์

อายุรศาสตร์โรคไต
Doctor profileDoctor profile

สอบถามเพิ่มเติมที่

ศูนย์โรคไต

ชั้น 3 อาคาร C โรงพยาบาลกรุงเทพ

เปิดให้บริการ ทุกวัน เวลา 08.00 – 16.00 น.