ผ่าตัดทำทางเบี่ยงหลอดเลือดหัวใจ CABG-Coronary Artery Bypass Grafting

5 นาทีในการอ่าน
ผ่าตัดทำทางเบี่ยงหลอดเลือดหัวใจ CABG-Coronary Artery Bypass Grafting
สารบัญ
  • CABG ผ่าตัดทำทางเบี่ยงหลอดเลือดหัวใจ
  • ชนิดของหลอดเลือดเสริม
  • รูปแบบการผ่าตัด CABG
  • ผู้ที่ต้องเข้ารับการผ่าตัด CABG
  • ตรวจวินิจฉัยก่อนผ่าตัด
  • เตรียมตัวก่อนผ่าตัด
  • รักษาด้วยการผ่าตัด
  • ดูแลหลังผ่าตัด
  • ปัจจัยที่มีผลต่อผลการผ่าตัด
  • ทางเลือกอื่น ๆ ในการรักษา
  • ดูทั้งหมด

  • CABG ผ่าตัดทำทางเบี่ยงหลอดเลือดหัวใจ

    ผ่าตัดทำทางเบี่ยงหลอดเลือดหัวใจ, CABG

    การผ่าตัดทำทางเบี่ยงของหลอดเลือดหัวใจหรือที่นิยมเรียกกันว่า การผ่าตัดบายพาส (CABG-Coronary Artery Bypass Grafting) เป็นการผ่าตัดทำทางเบี่ยงของทางเดินเลือดใหม่เพื่อให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงหัวใจในเส้นทางใหม่ โดยแพทย์จะต้องใช้หลอดเลือดเสริม (Graft) ด้านหนึ่งไปต่อที่ใต้จุดของหลอดเลือดหัวใจแดงเดิมที่มีการตีบหรือตัน และอีกด้านหนึ่งไปต่อกับหลอดเลือดแดงใหญ่ (Aorta) ส่งผลให้เลือดจากหลอดเลือดแดงใหญ่เดินทางไปตามหลอดเลือดแดงเสริมเพื่ออ้อมการอุดตันและไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจได้ในที่สุด
     
    ผ่าตัดทำทางเบี่ยงหลอดเลือดหัวใจ, CABG

     

    ชนิดของหลอดเลือดเสริม

    หลอดเลือดเสริมเป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลกับการรักษาระยะยาว แพทย์จึงต้องเลือกนำหลอดเลือดเสริมจากอวัยวะต่าง ๆ มาใช้อย่างเหมาะสม โดยหลอดเลือดแดงเสริมอายุการใช้งานจะนานกว่าหลอดเลือดดำเสริม ได้แก่

    1. หลอดเลือดแดงเสริม (Arterial Graft) ได้แก่
      • หลอดเลือดแดงหลังกระดูกหน้าอก ถูกนำมาใช้มากที่สุด เพราะอายุการใช้งานยาวนานที่สุด
      • หลอดเลือดแดงแขนท่อนระหว่างข้อมือและข้อศอกหรือหลอดเลือดแดงเรเดียล ในแขนแต่ละข้างจะมี 2 เส้นที่สามารถนำมาใช้ได้และนิยมนำมาใช้มากที่สุด
    2. หลอดเลือดดำเสริม (Vein Graft) ได้แก่
      • หลอดเลือดดำที่ขา ตั้งแต่ข้อเท้าด้านในจนถึงโคนขาด้านใน

     

    ผ่าตัดทำทางเบี่ยงหลอดเลือดหัวใจ, CABG

     

    รูปแบบการผ่าตัด CABG

    การผ่าตัดทำทางเบี่ยงหลอดเลือดหัวใจ CABG แบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ โดยศัลยแพทย์หัวใจจะทำการวินิจฉัยและวิเคราะห์อย่างละเอียดว่าผู้ป่วยควรจะต้องผ่าตัดแบบใด เพื่อให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุด ได้แก่

    1) การผ่าตัดทำทางเบี่ยงหลอดเลือดหัวใจโดยใช้เครื่องปอดและหัวใจเทียม (Traditional Coronary Artery Bypass Grafting or On-Pump CABG) คือ การผ่าตัดทำทางเบี่ยงหลอดเลือดหัวใจโดยใช้เครื่องปอดหัวใจเทียม มาช่วยในการผ่าตัดเพื่อให้หัวใจหยุดเต้น

    ข้อดีของการผ่าตัดแบบ On-Pump CABG

    • ศัลยแพทย์ทำการผ่าตัดได้ง่ายขึ้น เนื่องจากหัวใจหยุดเต้น
    • เครื่องปอดหัวใจเทียมช่วยให้เลือดและออกซิเจนไหลเวียนทั่วร่างกายระหว่างการผ่าตัด

     
    ผลข้างเคียงของการผ่าตัดแบบ On-Pump CABG

    • อาจเกิดการอักเสบทั่วร่างกาย เพราะเลือดผ่านเครื่องปอดหัวใจเทียมเพื่อเพิ่มออกซิเจนแล้วกลับไปในตัวผู้ป่วยใหม่
    • ส่งผลกระทบต่อเกล็ดเลือดและการแข็งตัวของเลือด อาจทำให้เลือดออกมากผิดปกติหลังผ่าตัด
    • มีผลต่อระบบการทำงานของปอด ไต และสมอง
    • การฟื้นตัวและการทำงานของหัวใจอาจลดลงหลังผ่าตัด

    นอกจากนี้หากเป็นผู้สูงอายุ ซึ่งมีเศษไขมันหรือคราบไขมันติดอยู่ตรงหลอดเลือดแดงใหญ่เออร์ต้าอยู่เดิมแล้ว เมื่อใช้เครื่องปอดหัวใจเทียมอาจทำให้เศษไขมันที่เกาะอยู่หลุดเข้าไปในระบบการทำงานของส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้ หรือฟองอากาศเล็ก ๆ ที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการใช้เครื่องปอดหัวใจเทียมอาจหลุดเข้าไปในระบบการทำงานของส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้เช่นกัน ซึ่งถ้าหลุดเข้าไปในระบบการทำงานของสมองอาจทำให้ผู้ป่วยเป็นอัมพาตได้ 

    2) การผ่าตัดทำทางเบี่ยงหลอดเลือดหัวใจโดยไม่ใช้เครื่องปอดและหัวใจเทียม (Off-Pump Coronary  Artery Bypass Grafting) (OPCAB) คือ การผ่าตัดทำทางเบี่ยงหลอดเลือดหัวใจโดยไม่ใช้เครื่องปอดหัวใจเทียม ทำให้หัวใจไม่ต้องหยุดเต้น โดยใช้เครื่องมือช่วยให้บริเวณที่ผ่าตัดหยุดนิ่งพอที่ศัลยแพทย์จะทำการผ่าตัดได้

    ข้อดีของการผ่าตัดแบบ Off-Pump CABG 

    • ลดภาวะแทรกซ้อนจากเครื่องปอดและหัวใจเทียม
    • ปริมาณเลือดที่ต้องใช้ในการผ่าตัดน้อยลง
    • ลดระยะเวลาผ่าตัดและดมยาสลบสั้นลง
    • ระยะเวลาพักฟื้นในโรงพยาบาลน้อยลง

    ข้อจำกัดของการผ่าตัดแบบ Off-Pump CABG 

    • ศัลยแพทย์หัวใจต้องมีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์สูงในการผ่าตัด

     
    ผ่าตัดทำทางเบี่ยงหลอดเลือดหัวใจ, CABG

     

    ผู้ที่ต้องเข้ารับการผ่าตัด CABG

    • ผู้ที่มีอาการจากการตีบตันของหลอดเลือดโคโรนารีที่ไม่สามารถรักษาทางอื่นได้
    • ผู้ที่มีการตีบตันของหลอดเลือดโคโรนารีเส้นซ้ายใหญ่รุนแรง
    • ผู้ที่มีการตีบของหลอดเลือดหัวใจรุนแรงหลายเส้น
    • ผู้ป่วยบางคนที่จำเป็นต้องป้องกันภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน
    • อื่น ๆ ตามการวินิจฉัยของศัลยแพทย์หัวใจ

    ตรวจวินิจฉัยก่อนผ่าตัด

    ก่อนจะเข้ารับการผ่าตัดทำทางเบี่ยงหลอดเลือดหัวใจ CABG ผู้ป่วยจำเป็นต้องตรวจวินิจฉัย ดังนี้

    • การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (EKG: Electrocardiogram)
    • การตรวจคลื่นเสียงสะท้อนความถี่สูง (Echocardiogram)
    • การตรวจสมรรถภาพหัวใจ (Exercise Stress Test)
    • เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ของหลอดเลือดหัวใจ (Computer Tomography Angiogram of Coronary Artery) หรือ การตรวจฉีดสีเพื่อดูหลอดเลือดหัวใจ (Coronary Angiogram)

    เตรียมตัวก่อนผ่าตัด

    • รับประทานอาหารและยาตามคำสั่งของแพทย์อย่างเคร่งครัด
    • หยุดกิจกรรมบางอย่าง เช่น สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์
    • เข้าพักในโรงพยาบาลก่อนผ่าตัด
    • ตรวจความพร้อมก่อนการผ่าตัดโดยศัลยแพทย์หัวใจและวิสัญญีแพทย์
    • เช็กผลเลือด เตรียมเลือด
    • ฝากของมีค่า ฟันปลอม แว่นตา หรือของใช้ส่วนตัวอื่น ๆ ไว้กับคนใกล้ชิดหรือพยาบาลก่อนผ่าตัด 

    รักษาด้วยการผ่าตัด

    • ขณะอยู่ในห้องผ่าตัดวิสัญญีแพทย์จะให้ยาสลบและใส่สายสวนหลอดเลือดต่าง ๆ
    • ใช้เวลาผ่าตัดประมาณ 3-6 ชั่วโมงหรือนานกว่านั้น ขึ้นอยู่กับความยากง่ายของการผ่าตัด
    • หลังผ่าตัดผู้ป่วยจะถูกเคลื่อนย้ายไปที่ห้องดูแลผู้ป่วยโรคหัวใจ (CCU: Cardiac Care Unit)
    • เมื่อผู้ป่วยฟื้นตัวดีและหายใจได้เอง แพทย์จะเอาท่อช่วยหายใจออก
    • พยาบาลและนักกายภาพบำบัดจะช่วยผู้ป่วยบริหารปอดเพื่อขับเสมหะ
    • ผู้ป่วยควรหายใจเข้าออกลึก ๆ ไอเป็นระยะ ๆ เพื่อช่วยให้ปอดทำงานปกติเร็วขึ้น
    • ผู้ป่วยจะพักฟื้นประมาณ 1 สัปดาห์ขึ้นไป ก่อนกลับไปพักที่บ้าน

    ดูแลหลังผ่าตัด

    • รับประทานยาตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด
    • ตรวจติดตามอาการกับศัลยแพทย์เพื่อปรับยาและเช็กหัวใจเป็นระยะ ๆ
    • ออกกำลังเบา ๆ และเพิ่มขึ้นทีละน้อยตามลำดับ เช่น เดิน ฯลฯ
    • ห้ามยกของหนักเกิน 2 กิโลกรัม
    • งดขับรถยนต์ 6 สัปดาห์ เพื่อที่กระดูกหน้าอกที่ผ่าตัดจะได้เชื่อมติดกันดี
    • ทำกิจกรรมทางเพศได้ภายในประมาณ 4 สัปดาห์
    • หลังจาก 6 สัปดาห์กลับไปทำงานตามปกติ
    • หากเป็นโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง ต้องทานยาเพื่อควบคุมไม่ให้กลับมาเป็นอีก
    • ปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต เช่น ลดไขมัน หวาน เค็ม เลิกสูบบุหรี่ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ลดความเครียด

    ปัจจัยที่มีผลต่อผลการผ่าตัด

    ปัจจัยที่ส่งผลต่อผลการผ่าตัดทำทางเบี่ยงหลอดเลือดหัวใจ CABG ได้แก่

    • สภาพร่างกายของผู้ป่วย ต้องลดอัตราการเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดโคโรนารี เช่น ลดไขมันในเลือด เลิกสูบบุหรี่ ควบคุมเบาหวาน และความดันโลหิตสูง
    • อายุการใช้งาน ของหลอดเลือดบายพาส ซึ่งการทำบายพาสด้วยหลอดเลือดแดงน่าจะทำให้ผลการรักษาดีขึ้นเป็นระยะเวลานาน

    หลังจากผ่าตัดทำทางเบี่ยงหลอดเลือดหัวใจ CABG ไปเป็นเวลานาน อาจเกิดปัญหาหลอดเลือดตีบหรือตันขึ้นอีกได้ ซึ่งผู้ป่วยจำเป็นต้องทานยาตามแพทย์สั่งเป็นประจำและเปลี่ยนแปลงวิถีการดำเนินชีวิตตามที่แพทย์แนะนำ เพื่อลดความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ เพราะหากกลับมาเป็นซ้ำต้องทำการรักษาและผ่าตัดอีกครั้ง

    ทางเลือกอื่น ๆ ในการรักษา

    • การใช้ยา (Medical Treatment)ผ
    • ารขยายหลอดเลือดหัวใจบริเวณที่มีการตีบด้วยบอลลูนและใส่ขดลวด (Percutaneous Coronary Intervention: PCI)

    แม้การผ่าตัดบายพาสเพื่อรักษาโรคหลอดเลือดหัวใจตีบหรืออุดตันจะช่วยลดอาการเจ็บหน้าอกจากกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ลดความเสี่ยงของภาวะหัวใจวาย และผลการรักษาอยู่ได้นานเป็นสิบปี แต่ผู้ที่ป่วยด้วยโรคนี้ก็มีโอกาสกลับมาเป็นได้อีก หากขาดการดูแลสุขภาพอย่างถูกต้องและมีวินัย เพราะฉะนั้นการรู้จักเลือกรับประทานอาหาร ออกกำลังกายเป็นประจำสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ ควบคุมน้ำหนักให้เป็นไปตามเกณฑ์ งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เลิกสูบบุหรี่ และดูแลจิตใจให้ไม่เครียดจะช่วยให้หัวใจแข็งแรงไปอีกนาน
     

    MS-ผ่าตัดทำทางเบี่ยงหลอดเลือดหัวใจ CABG-Coronary Artery Bypass Grafting

    ข้อมูล : นพ.วิฑูรย์ ปิติเกื้อกูล รองผู้อำนวยการศัลยแพทย์หัวใจและทรวงอก โรงพยาบาลหัวใจกรุงเทพ

    สอบถามเพิ่มเติมที่

    ศูนย์ศัลยกรรมหัวใจและทรวงอก

    ชั้น 2 โรงพยาบาลหัวใจกรุงเทพ

    เปิดให้บริการ ทุกวัน เวลา 07.00 – 16.00 น.