มะเร็งตับ

4 นาทีในการอ่าน
มะเร็งตับ
โรงพยาบาลมะเร็งกรุงเทพ วัฒโนสถ
สารบัญ
  • ข้อเท็จจริงของมะเร็งตับ
  • อาการมะเร็งตับ
  • ตรวจวินิจฉัยมะเร็งตับ
  • ปัจจัยการรักษามะเร็งตับ
  • การรักษามะเร็งตับ
  • ป้องกันมะเร็งตับ
  • โรงพยาบาลที่ชำนาญการรักษามะเร็งตับที่ไหนดี
  • แพทย์ที่ชำนาญการรักษามะเร็งตับ
  • ดูทั้งหมด

    • มะเร็งตับ (โดยเฉพาะมะเร็งเซลล์ตับ) เป็นโรคที่หลายคนมองข้าม เพราะในระยะเริ่มต้นมักไม่แสดงอาการชัดเจน แต่หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ได้ตรวจหรือรักษา อาจลุกลามและส่งผลเสียต่อชีวิตได้อย่างรวดเร็ว
    • ข้อมูลสถิติระดับชาติจาก GLOBOCAN และสถาบันมะเร็งแห่งชาติระบุว่า มะเร็งตับเป็นปัญหาสำคัญในไทย โดยประเทศไทยมีอุบัติการณ์ของมะเร็งตับสูงเมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาค และมีผู้เสียชีวิตจำนวนมากจากมะเร็งชนิดนี้
    • หากสงสัยว่าเป็นมะเร็งตับควรพบแพทย์ผู้ชำนาญการอาทิแพทย์ระบบทางเดินอาหารแพทย์โรคตับศัลยแพทย์ตับแพทย์รังสีร่วมรักษาแพทย์มะเร็งวิทยา
    • ถ้าได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งตับควรเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลที่มีทีมแพทย์สหสาขาเพื่อให้การรักษาที่มีประสิทธิภาพสูงสุด

    มะเร็งตับ

    อาการมะเร็งตับ

    เมื่อก้อนมะเร็งในตับมีขนาดใหญ่ขึ้นมักทำให้เกิดอาการต่าง ๆ ดังนี้

    • ปวดหรือแน่นบริเวณชายโครงขวา หากก้อนอยู่ที่กลีบซ้ายอาจรู้สึกเจ็บลิ้นปี่ รับประทานอาหารได้น้อยลง เบื่ออาหาร น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ
    • ท้องอืด อาหารไม่ย่อย จากการที่ตับสร้างน้ำดีได้ลดลง
    • ท้องโตแน่นตึง หรือคลำพบก้อนใต้ชายโครง หากก้อนมีขนาดค่อนข้างใหญ่
    • ตัวเหลือง ตาเหลือง หรือมีน้ำในช่องท้อง (ท้องมาน) ซึ่งมักพบเมื่อโรคลุกลามมากขึ้น

    อาการเหล่านี้อาจเกิดจากโรคตับแข็งเพียงอย่างเดียว ไม่ใช่มะเร็งเสมอไป หากมีอาการผิดปกติควรรีบพบแพทย์เฉพาะทาง เพราะการตรวจพบตั้งแต่ระยะแรกช่วยเพิ่มโอกาสรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    มะเร็งตับ

    ตรวจวินิจฉัยมะเร็งตับ

    1) การตรวจคัดกรอง (Screening) เหมาะสำหรับผู้ที่ยังไม่มีอาการ แต่มีความเสี่ยงสูง เช่น

    • ไวรัสตับอักเสบเรื้อรังชนิด B หรือ C
    • โรคตับเรื้อรังจากสาเหตุต่าง ๆ
    • มีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งตับ
    • กลุ่มอาการผิดปกติทางเมตาบอลิก เช่น ไขมันพอกตับ, เบาหวาน, โรคอ้วน

    การตรวจประกอบด้วย

    • อัลตราซาวนด์ช่องท้อง เพื่อตรวจลักษณะตับและค้นหาก้อนเนื้อ
    • ตรวจเลือดหาสารบ่งชี้มะเร็งตับ AFP (Alphafetoprotein), PIVKA-II ซึ่งอาจสูงขึ้นในมะเร็งตับบางราย

    แนะนำให้ตรวจทุก 6 เดือน เพื่อเพิ่มโอกาสพบก้อนในระยะแรก

    2) การตรวจเมื่อสงสัยว่ามีอาการของมะเร็งตับ

    เริ่มจาก

    • อัลตราซาวนด์
    • ตรวจเลือดค่าการทำงานของตับรวมถึงสารบ่งชี้มะเร็งตับ

    หากพบความผิดปกติจะตรวจเพิ่มเติมด้วย

    • CT Scan แบบฉีดสารทึบรังสี
    • MRI ตับเฉพาะทาง (MRI liver with liver specific agent) ซึ่งให้ความละเอียดสูง สามารถตรวจขนาด ตำแหน่ง จำนวนก้อน การลุกลามไปเส้นเลือด หรือการกระจายไปอวัยวะอื่น เช่น ต่อมน้ำเหลือง ปอด กระดูก

    ในบางรายอาจต้องตรวจเพิ่มเติม เช่น

    • เอกซเรย์ปอด
    • สแกนกระดูก

    3) การตรวจชิ้นเนื้อ (Biopsy)

    หากภาพถ่ายรังสีไม่สามารถสรุปได้ชัดเจน แพทย์จะทำการเจาะชิ้นเนื้อเพื่อตรวจยืนยันชนิดของเซลล์มะเร็ง

    มะเร็งตับ

    ปัจจัยการรักษามะเร็งตับ

    การรักษามะเร็งตับมีหลายวิธี การจะเลือกวิธีที่เหมาะสมกับผู้ป่วยที่สุดนั้น ต้องอาศัยการประเมินจากหลายปัจจัย ได้แก่

    • ชนิดของมะเร็ง
    • ขนาดและจำนวนก้อน
    • การลุกลาม
    • ภาวะตับแข็งและการทำงานของตับ
    • สุขภาพโดยรวมของผู้ป่วย

    การรักษามะเร็งตับ

    1) การผ่าตัดรักษามะเร็งตับ เหมาะสำหรับผู้ที่

    • ไม่มีตับแข็งหรือมีน้อย
    • ก้อนเนื้อไม่ใหญ่ ไม่มีรุกล้ำเส้นเลือด
    • ไม่มีมะเร็งแพร่กระจายไปนอกตับ
    • ต้องประเมินทั้งความเสี่ยงการผ่าตัดและสภาพตับที่เหลือว่าจะเพียงพอต่อการทำงานได้ปกติหลังผ่าตัดหรือไม่

    2) การรักษาด้วยความร้อน (Ablation) – RF/MWA ใช้ในผู้ป่วยที่

    • ไม่เหมาะสำหรับการผ่าตัด
    • มีก้อนขนาดไม่เกิน 3 – 4 เซนติเมตร จำนวนไม่เกิน 3 ก้อน
    • ไม่มีการรุกล้ำเส้นเลือด
    • ไม่มีมะเร็งแพร่กระจายไปนอกตับ

    การสอดเข็มเล็กลงตำแหน่งก้อนโดยใช้ CT หรืออัลตราซาวนด์นำทางเพื่อเข้าทำลายก้อนโดยตรง

    ข้อดีคือ

    • ไม่ต้องผ่าตัดใหญ่
    • ฟื้นตัวไว นอนโรงพยาบาลเพียง 1 – 2 วัน
    • ผลข้างเคียงน้อย

    มะเร็งตับ

    3) การรักษาผ่านหลอดเลือด (Catheter – Based Therapy)

    TACE (Transarterial Chemoembolization)

    เป็นการให้ยาเคมีบำบัดเฉพาะที่ผ่านสายสวนหลอดเลือดเข้าสู่ก้อนโดยตรง พร้อมอุดเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงก้อน ทำให้ก้อนฝ่อตัวลง เหมาะสำหรับ

    • ก้อนขนาดใหญ่หรือมีหลายตำแหน่ง
    • ไม่สามารถผ่าตัดหรือทำ Ablation ได้
    • ไม่มีการลุกลามไปนอกตับหรืออุดกั้นในหลอดเลือดดำหลักของตับ

    หลังทำอาจมีไข้ ปวดตื้อ ในช่องท้อง คลื่นไส้อาเจียนเล็กน้อย หรือเบื่ออาหาร ซึ่งมักหายภายใน 1 สัปดาห์ การรักษาแบบ TACE ส่วนมากทำทุก 4 สัปดาห์ จนสามารถควบคุมเซลล์มะเร็งได้ หรือทำตามความจำเป็นเมื่อต้องการควบคุมอาการในผู้ป่วยบางราย

    TARE หรือ Radioembolization (SIRT)

    ใช้สารกัมมันตภาพรังสีชนิด Yttrium-90 ส่งเข้าไปยังเส้นเลือดที่เลี้ยงก้อน เหมาะสำหรับ

    • ก้อนขนาดใหญ่
    • มีมะเร็งลุกลามเข้าเส้นเลือดดำของตับเพียงบางส่วน
    • ผู้ป่วยยังมีการทำงานของตับดีพอสมควร

    มีการให้รังสีเฉพาะบริเวณก้อนโดยตรง ผลข้างเคียงมักน้อยกว่าการให้ยาเคมีบำบดผ่านหลอดเลือดและใช้จำนวนครั้งของการรักษาน้อยกว่า

    4) การใช้ยาแบบระบบ (Systemic Therapy)

    ตามแนวทางปัจจุบัน (ในปี 2024 – 20254) มีการใช้

    • ยากลุ่มภูมิคุ้มกันบำบัด (Immunotherapy) เช่น Atezolizumab + Bevacizumab
    • ยาระงับสัญญาณการเติบโตของมะเร็ง เช่น Sorafenib, Lenvatinib
    • การรักษาแบบผสมผสานขึ้นกับดุลยพินิจแพทย์และระยะของโรค

    ยาเหล่านี้ช่วยควบคุมโรคในผู้ป่วยที่ไม่สามารถให้การรักษาแบบเฉพาะที่ได้

    มะเร็งตับ

    ป้องกันมะเร็งตับ

    สามารถลดความเสี่ยงมะเร็งตับด้วยการดูแลสุขภาพ ดังนี้

    • ฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบี รับการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบี (HBV) ซึ่งเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันมะเร็งตับที่เกี่ยวข้องกับการติดเชื้อ HBV
    • การจัดการไวรัสตับอักเสบ ตรวจคัดกรองการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซี (HCV) และรับการรักษาอย่างทันท่วงทีหากพบการติดเชื้อ
    • การปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต ได้แก่
    • รักษาน้ำหนักตัวและโภชนาการให้เหมาะสม
    • จำกัดหรือหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่
    • ควบคุมโรคประจำตัว เช่น เบาหวานและความดันโลหิตสูง
    • ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งเมื่อมีเพศสัมพันธ์ที่อาจไม่ปลอดภัย
    • หลีกเลี่ยงการใช้เข็มฉีดยาร่วมกับผู้อื่น หรือการสัมผัสเลือด หรือสารคัดหลั่ง
    • เลี่ยงอาหารที่เสี่ยงปนเปื้อนเชื้อราและอะฟลาท็อกซิน เช่น ถั่วลิสง ข้าวเปลือกเก็บไว้นาน ผลไม้แห้ง อาหารแห้งบางประเภท เมล็ดฝ้าย เป็นต้น
    • หากเป็นกลุ่มเสี่ยงควรตรวจอัลตราซาวนด์และ AFP ทุก 6 เดือนตามคำแนะนำของแพทย์

    โรงพยาบาลที่ชำนาญการรักษามะเร็งตับที่ไหนดี

    ศูนย์อายุรกรรมมะเร็ง โรงพยาบาลวัฒโนสถ Cancer Hospital พร้อมด้วยเครื่องมือและเทคโนโลยีทันสมัย แพทย์เฉพาะทางที่มีความชำนาญและมากด้วยประสบการณ์ พร้อมให้การตรวจวินิจฉัยมะเร็งตับและเลือกวิธีรักษาที่เหมาะกับผู้ป่วยแต่ละบุคคล ตลอดจนมีทีมสหสาขาคอยดูแลให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด เพื่อให้กลับไปมีคุณภาพชีวิตที่ดีอีกครั้ง

    แพทย์ที่ชำนาญการรักษามะเร็งตับ

    พญ.ณัฐพร ด่านภักดีกุล รังสีแพทย์ โรงพยาบาลวัฒโนสถ Cancer Hospital

    สามารถคลิกที่นี่เพื่อทำนัดหมายได้ด้วยตนเอง