ผ่าตัดกระดูกสันหลังคดด้วยเทคนิค DLIF

4 นาทีในการอ่าน
ผ่าตัดกระดูกสันหลังคดด้วยเทคนิค DLIF
โรงพยาบาลกรุงเทพอินเตอร์ฯ เพื่อสมองและกระดูก

DLIF คืออะไร

DLIF (ดี – ลิฟท์) มาจาก Direct Lateral Interbody Fusion หมายถึง การผ่าตัดเสริมหมอนรองกระดูกแบบแผลเล็กข้างลำตัว ซึ่งเป็นเทคนิคใหม่ที่รักษาอาการโรคปวดหลัง ปวดขาจากกระดูกสันหลังทับเส้นประสาท กระดูกสันหลังคด มีจุดเด่นคือ ไม่เลาะทำลายกล้ามเนื้อหลัง เสียเลือดน้อย แผลเล็ก คนไข้ฟื้นตัวเร็ว แนวโน้มการผ่าตัดแบบ DLIF เป็นเทคนิคการผ่าตัดเสริมหมอนรองกระดูกแบบแผลเล็กข้างลำตัว โดยกำลังเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั่วโลก สังเกตได้จากศัลยแพทย์ส่วนใหญ่ให้การยอมรับเทคนิคนี้ในการรักษาผู้ป่วยปวดหลัง ซึ่งมีปัจจัยมาจากหมอนรองกระดูกสันหลังเสื่อม กระดูกสันหลังเคลื่อนหรือเลื่อนทับเส้นประสาท กระดูกสันหลังคดในผู้สูงอายุ เป็นต้น


ข้อดีของ 
DLIF คืออะไร

ด้วยการผ่าตัดเสริมหมอนรองกระดูกสันหลังผ่านทางด้านข้างลำตัวโดยไม่เลาะกล้ามเนื้อหลัง (Direct Lateral Interbody Fusion DLIF) เทคนิคนี้จะช่วยให้คนไข้ที่เข้ารับการผ่าตัดมีแผลเล็กกว่าการผ่าตัดแบบเดิม ลดความเจ็บปวดและฟื้นตัวได้รวดเร็ว เนื่องจากไม่มีการเปิดแผลเลาะกล้ามเนื้อหลัง เสียเลือดน้อยลง ผู้ป่วยสามารถกลับไปดำเนินชีวิตและมีกิจกรรมได้ตามปกติเร็วขึ้น

โดยเทคนิคนี้ต้องใช้เครื่องมือติดตามการทำงานของระบบประสาทขณะผ่าตัด หรือ IONM (Intraoperative Neuromonitoringส่งผ่านท่อขนาดเล็กขนาด 1 นิ้ว เพื่อติดตามการทำงานของเส้นประสาทและไขสันหลัง และใส่อุปกรณ์หนุนหมอนรองกระดูกไปแทนที่หมอนรองกระดูกที่เป็นปัญหาเดิม ทำให้กระดูกสันหลังข้อนั้นแข็งแรงขึ้น รับน้ำหนักร่างกายได้ดีขึ้น อาการปวดหลังลดลง

นอกจากนี้ยังสามารถแก้ภาวะกระดูกสันหลังเคลื่อนไปด้านหน้า (Spondylolisthesisหรือภาวะกระดูกสันหลังคด (Scoliosisในผู้ป่วยสูงอายุอย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่จำเป็นต้องเลาะกล้ามเนื้อหลัง หรือตัดทำลายกระดูกสันหลัง ซึ่งจะช่วยลดปัญหาปวดหลังเรื้อรัง ภาวะพังผืดเกาะเส้นประสาท ภาวะสกรูหลุดหลวม รวมถึงภาวะสูญเสียกล้ามเนื้อหลัง ซึ่งอาจเกิดขึ้นภายหลังการผ่าตัดแบบเดิม

เทคนิคดังกล่าวถือเป็นทางเลือกใหม่สำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องปวดหลังจากสาเหตุต่าง ๆ ด้วยการผ่าตัดด้านข้างลำตัว และเพิ่มความแข็งแรงของกระดูกสันหลัง ช่วยเพิ่มผลสำเร็จของการผ่าตัด รวมทั้งโรคแทรกซ้อนจากการผ่าตัดก็ลดลงด้วยเช่นกัน

การผ่าตัดวิธีใหม่เข้าข้างลำตัวนี้เป็นทางเลือกที่ช่วยตอบโจทย์หลายอย่างที่แพทย์ผู้ชำนาญการด้านกระดูกสันหลังต้องการให้ได้ผลดีในผู้ป่วยที่มีปัญหาปวดหลัง และเชื่อว่าเทคนิคผ่าตัดด้วยวิธี DLIF จะกลายเป็นมาตรฐานการผ่าตัดกระดูกสันหลังอีกวิธีหนึ่งในอนาคต

DLIF ย่นระยะเวลาพักฟื้นอย่างไร

จากประสบการณ์การดูแลผู้ป่วยที่ผ่าตัดหลังด้วยเทคนิควิธี DLIF พบว่า ผู้ป่วยส่วนใหญ่สามารถเดินได้ภายใน 48 ชั่วโมงหลังการผ่าตัด สามารถมีกิจกรรมและออกกำลังกายตามปกติได้ภายใน 3 เดือน เนื่องจากมีการเชื่อมติดของกระดูกสันหลังสมบูรณ์เร็วกว่าการผ่าตัดแบบเดิมที่ส่วนใหญ่ต้องใช้เวลาถึง 6 เดือน หรือมากกว่าเพื่อรอให้กระดูกสันหลังเชื่อมต่อกันสนิทส่งผลให้กล้ามเนื้อลีบ

DLIF รักษาสเถียรภาพกระดูกสันหลังอย่างไร

นอกจากนี้ข้อดีของการผ่าตัดเสริมหมอนรองกระดูกจากด้านข้างลำตัว คือ สามารถรักษาเสถียรภาพของกระดูกสันหลัง การเสริมหมอนรองกระดูกแต่ละปล้องที่ทรุดตัวอยู่ทำได้ง่าย แม้ในกลุ่มของผู้สูงอายุ เนื่องจากการผ่าตัดเทคนิค DLIF  ไม่จำเป็นต้องเปิดเลาะเข้าไปรบกวนการทำงานของเส้นประสาท ไม่ต้องสัมผัสกับเส้นประสาท ยังช่วยให้การหายปวดเป็นไปได้อย่างดี ลดโอกาสเกิดโรคแทรกซ้อนจากการบาดเจ็บฉีกขาดของเส้นประสาท ไม่เสี่ยงต่อการรั่วของถุงหุ้มเส้นประสาท และที่สำคัญคือไม่เสี่ยงต่อปัญหาการเกิดพังผืดรัดเส้นประสาทในอนาคต ซึ่งจะทำให้เกิดการเจ็บปวดเรื้อรังตามมาได้

 

DLIF แก้ไขปัญหาหมอนรองกระดูกระดับสูง ๆ อย่างไร

เทคนิคการผ่าตัดด้วยวิธี DLIF มีประโยชน์มากในการแก้ไขปัญหาของหมอนรองกระดูกที่อยู่ในระดับสูง ๆ เช่น ระดับกระดูกเอวข้อที่ 1 – ข้อที่ 3 ซึ่งเป็นระดับที่เสี่ยงต่อการบาดเจ็บของเส้นประสาท เนื่องจากเป็นที่แคบ เป็นศูนย์รวมของเส้นประสาทที่ใช้ควบคุมความแข็งแรงของต้นขาและการขับถ่าย การผ่าตัดเทคนิคนี้ไม่จำเป็นต้องรื้อเส้นประสาทในบริเวณดังกล่าวจึงลดโอกาสโรคแทรกซ้อนของระบบประสาทไปได้มาก

ที่สำคัญกล้ามเนื้อไม่ชอกช้ำจากการผ่าตัด ผู้ป่วยไม่โทรม ทำกายภาพได้เร็ว เสียเลือดน้อยประมาณ 50 80 ซีซี ต่อ 1 ระดับจากเดิมต้องเสียเลือดประมาณ 300 500 ซีซี ส่วนขนาดแผลผ่าตัด 4 เซนติเมตรจากเดิม 10 เซนติเมตร รวมถึงช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อหลังการผ่าตัดในผู้สูงอายุได้ดี และยังสามารถบรรเทาอาการปวดขา อาการเหน็บชา กล้ามเนื้ออ่อนแรงจากภาวะกระดูกสันหลังทับเส้นประสาทได้”

ฟื้นฟูหลังเชื่อมต่อกระดูกสันหลังอย่างไร

การฟื้นฟูหลังการเชื่อมต่อกระดูกสันหลังนั้น แนะนำให้ใช้โปรแกรมเดินซึ่งเริ่มต้นได้ทันทีหลังการผ่าตัด และจะเพิ่มมากขึ้นในแต่ละวัน โดยทั่วไปหลังผ่าตัดจะแนะนำให้เดินประมาณ 15 นาที 2 3 ครั้งต่อวัน และประมาณ 30 40 นาที วันละ 2 ครั้งในช่วง 6 สัปดาห์หลังการผ่าตัด ทั้งนี้โปรแกรมการออกกำลังกายจะขึ้นอยู่กับสุขภาพของบุคคลนั้น ๆ และขอบเขตของการผ่าตัด

ข้อแนะนำที่สำคัญสำหรับผู้ป่วยทั้งก่อนและหลังการผ่าตัดอีกประการหนึ่งคือ ผู้ป่วยควรงดการสูบบุหรี่หรือใช้สารนิโคตินไม่ว่าชนิดใดก็ตามก่อนการผ่าตัด และอย่างน้อย 3 เดือนหลังการผ่าตัด เพื่อเพิ่มอัตราการประสบความสำเร็จในการผ่าตัดกระดูกสันหลังทุกประเภท โดยเฉพาะจะช่วยลดความเสี่ยงต่อภาวะการเชื่อมหรือการปลูกกระดูกไม่สำเร็จ ซึ่งจะทำให้ไม่สามารถสมานกระดูกสันหลังเข้าเป็นกระดูกชิ้นเดียวกันได้ เนื่องจากสารนิโคตินจะไปชะลอการสร้างกระดูกใหม่ นอกจากนี้ยังอาจทำให้เกิดภาวะการใส่สกรู หรือหมอนรองกระดูกล้มเหลวและเกิดการหลวม หลุด ถอนได้


ที่สำคัญหากมีสัญญาณบ่งชี้ เช่น ปวดร้าวลงขา ปวดหลังเป็นประจำทุกวัน จนต้องรับประทานยานานเกิน 1 เดือน กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ ควรรีบพบแพทย์เพื่อทำการรักษาให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น

ข้อมูลโดย

Doctor Image

น.อ. นพ. ทายาท บูรณกาล

ศัลยศาสตร์ออร์โธปิดิกส์

น.อ. นพ. ทายาท บูรณกาล

ศัลยศาสตร์ออร์โธปิดิกส์

Doctor profileDoctor profile
Doctor Image

พญ. กมลวรรณ เฉลิมโชคชัย

เวชศาสตร์ฟื้นฟู

พญ. กมลวรรณ เฉลิมโชคชัย

เวชศาสตร์ฟื้นฟู

Doctor profileDoctor profile

สอบถามเพิ่มเติมที่

ศูนย์กระดูกสันหลัง

ชั้น 2 ฝั่งทิศใต้ (S2) อาคารโรงพยาบาลกรุงเทพอินเตอร์เนชั่นแนล

จันทร์ - ศุกร์ เวลา 08.00 - 19.00 น.

เสาร์ - อาทิตย์ เวลา 08.00 - 17.00 น.