คุณกำลังเสพติดความเครียดหรือไม่

3 นาทีในการอ่าน
คุณกำลังเสพติดความเครียดหรือไม่

แชร์

หลายคนคงปฏิเสธไม่ได้ว่า การได้มีโอกาสใช้ชีวิตในเมืองใหญ่อันแสนวุ่นวาย มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ในขณะที่หลายคนเลือกที่จะหลบหนีความวุ่นวาย บางคนก็ชอบความตื่นเต้นและความท้าทายของการใช้ชีวิตในเมืองใหญ่ ไหนจะต้องฝ่าขบวนรถติดในตอนเช้าทุกวันเพื่อที่จะไปทำงานและเข้าห้องประชุมให้ทันเวลา อีกทั้งยังต้องเร่งทำงานที่ได้รับมอบหมายให้เสร็จตามกำหนด


ความเครียดจากพฤติกรรมเหล่านี้เมื่อเกิดขึ้นบ่อยครั้งก็จะกลายเป็นอาการเสพติดชนิดหนึ่งคล้ายกับที่พบได้ในคนที่ติดออกกำลังกายอย่างหนัก ที่เรียกว่า ภาวะ ‘เสพติดความเครียด’ (Adrenal Addict) คนส่วนมากที่มีภาวะนี้ในระยะแรกมักจะยังไม่รู้ตัว เนื่องจากร่างกายมีความทนทานสูงต่อกับความเครียดที่เข้ามาในแต่ละวัน รู้ตัวอีกทีก็ล้มป่วย ติดเชื้อเฉียบพลันจนต้องเข้าโรงพยาบาล ทางการแพทย์เรียกอาการนี้ว่า ‘ภาวะต่อมหมวกไตล้า’ หรือ ‘Adrenal Fatigue’

 

รู้ได้อย่างไรว่าเสี่ยงภาวะต่อมหมวกไตล้า

ถ้าคุณมีอาการผิดปกติที่ตรงกับอาการแสดงดังต่อไปนี้อย่างน้อย 5 ข้อ แสดงว่าคุณกำลังมีความเสี่ยงสูง

  • ขี้เกียจตื่นนอนตอนเช้า
  • อ่อนเพลีย ไม่มีแรง อยากงีบหลับช่วงกลางวัน
  • ง่วงแต่นอนไม่หลับ
  • มีอาการวิงเวียนศีรษะเวลาเปลี่ยนท่าทาง (ลุก – นั่ง)
  • อยากทานของหวานและของเค็ม
  • ปัสสาวะบ่อยผิดปกติ
  • ปวดประจำเดือนบ่อย
  • เป็นภูมิแพ้กำเริบบ่อย ๆ
  • ท้องอืด อาหารไม่ย่อย 
  • ท้องผูก
  • เครียด ซึมเศร้า
  • คุมอาหาร ออกกำลังกายเป็นประจำ แต่น้ำหนักไม่ลดลง
  • รู้สึกดีขึ้นทันทีเมื่อได้กินน้ำตาล
  • ผิวแห้งและแพ้ง่าย

ภาวะต่อมหมวกไตล้าเป็นอย่างไร 

ภาวะต่อมหมวกไตล้าเป็นอาการผิดปกติของร่างกายอย่างหนึ่งที่มีความเครียดเรื้อรังเป็นตัวกระตุ้น โรคนี้จัดอยู่ในกลุ่มโรคที่ถูกลืม เนื่องจากภาวะนี้มักจะไม่ได้รับการวินิจฉัยอย่างถูกต้องและทันท่วงที สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากการเจาะเลือดตรวจสุขภาพทั่วไปที่ไม่เพียงพอสำหรับการวินิจฉัยภาวะนี้ ในการวินิจฉัยภาวะต่อมหมวกไตล้าจะต้องมีการวัดระดับของฮอร์โมนต่อมหมวกไต (Adrenal Hormones) 2 ตัวที่มีชื่อว่า คอร์ติซอล (Cortisol) และ ดีเอชอีเอ (Dyhydroepiandrosterone – DHEA) ซึ่งสามารถวัดได้จากผลเลือด Cortisol และ DHEA คือ ฮอร์โมนแห่งความเครียดในร่างกายมนุษย์ ปัจจุบันนี้การรักษาภาวะต่อมหมวกไตล้าจะมุ่งเน้นไปที่การปรับให้ฮอร์โมน 2 ตัวนี้ให้อยู่ระดับที่สมดุล


Cortisol มีหน้าที่อะไร

Cortisol คือ ฮอร์โมนความเครียดตัวหลักของร่างกาย (Stress Hormone) ปกติร่างกายจะหลั่งออกมาปริมาณมากที่สุดในตอนเช้า ช่วยให้เรารู้สึกสดชื่นและมีพลังต่อสู้ในวันใหม่ของทุกวัน และจะลดลงเหลือเพียง 10% ในช่วงเย็น นอกจากนี้ในสถานการณ์คับขัน Cortisol ยังมีหน้าที่กระตุ้นให้ความดันโลหิตสูงขึ้นและอัตราการเต้นหัวใจเพิ่มขึ้นเพื่อเตรียมพร้อมร่างกายให้ต่อสู้กับปัญหาข้างหน้า แต่ถ้ามีความเครียดสะสมเรื้อรังจากการทำงานหนักมากเกินไป พักผ่อนไม่พอ หรือออกกำลังกายเกินพอดี ระดับ Cortisol ที่สูงขึ้นจะเริ่มส่งผลเสียต่อร่างกาย เนื่องจากฮอร์โมนตัวนี้มีฤทธิ์ในการสลายและทำลายล้าง (Catabolic Hormone) ทำให้ร่างกายเสื่อมและแก่เร็ว ถ้ามีน้อยไปจะทำให้ไม่มีแรงลุกขึ้นจากที่นอนตอนเช้า ขาดความกระตือรือร้น และอ่อนเพลียตอนกลางวัน


DHEA มีหน้าที่อะไร

DHEA คือ ฮอร์โมนเพศชนิดหนึ่งที่เป็นฮอร์โมนตั้งต้นของทั้งฮอร์โมนเพศหญิงและเพศชาย (Pre – Sex Hormones) และยังเป็นฮอร์โมนต้านความเครียด (Anti – Stress Hormones) ที่มีฤทธิ์ในการเสริมสร้าง (Anabolic Hormone) ช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับร่างกาย (Stamina) กระตุ้นความรู้สึกทางเพศ (Libido) และชะลอความเสื่อมของร่างกาย (Delay Aging) ที่สำคัญยังช่วยต้านฤทธิ์ของ Cortisol เมื่อร่างกายอยู่ในภาวะเครียด


การปฏิบัติตัวเมื่อมีภาวะต่อมหมวกไตล้า

  • นอนหลับให้เพียงพออย่างน้อย 6 ชั่วโมง ควรเข้านอนก่อน 5 ทุ่ม
  • รับประทานอาหารเช้าก่อน 10.00 น. (หลัง 10.00 น. ระดับ Cortisol จะลดลง ทำให้ยิ่งอ่อนเพลีย Cortisol จะทำงานดีขึ้นเมื่อมีน้ำตาลในเลือดเพียงพอ)
  • รับประทานมื้อเล็ก ๆ และบ่อย ๆ แทนการทานอาหารมื้อหลัก ๆ เพียง 1 – 2 มื้อ
  • ออกกำลังกายแบบหนักปานกลาง (Moderate Intensity Exercise) การออกกำลังกายที่หนักเกินไปจะส่งผลให้ต่อมหมวกไตล้ามากยิ่งขึ้น
  • หาวิธีคลายความเครียด เช่น หางานอดิเรกทำ เดินทางไปเที่ยว เป็นต้น
  • อาหารเสริมและสมุนไพรบางชนิดสามารถช่วยลดอาการต่อมหมวกไตล้าได้ เช่น Ashwaghandha (โสมอินเดีย) L-theanine (สารสกัดจากชาเขียว) Phosphatidylserine (สารสกัดจากถั่วเหลือง) วิตามิน C วิตามิน B3 วิตามิน B5 วิตามิน B6


แชร์