ทำไมต้องเลือก Cath Lab โรงพยาบาลกรุงเทพระยอง?
แผนกรังสีร่วมรักษา (Cath Lab) โรงพยาบาลกรุงเทพระยอง ให้บริการด้วยเทคโนโลยีทันสมัยและทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการดูแล เพิ่มโอกาสในการฟื้นตัวและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
วิธีการตรวจใน Cath lab
แพทย์จะเลือกฉีดยาชาบริเวณขาหนีบ หรือข้อมือ แล้วจะใส่ท่อขนาดเล็กปราศจากเชื้อโรคเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2 มิลลิเมตร ผ่านทางหลอดเลือดแดง จากนั้นจะฉีดสีเพื่อดูการทำงานของหลอดเลือดว่ามีการตีบตันหรือไม่ โดยแพทย์จะสามารถดูได้จากหน้าจอภาพแบบดิจิทัลผ่านกล่องเอกซเรย์พิเศษ โดยจะใช้เวลาประมาณ 20 นาที หากมีความผิดปกติแพทย์จะทำการสวนขดลวดเข้าไปเพื่อวินิจฉัย และทำการรักษาต่อไป เมื่อเรียบร้อยแล้ว สายสวนจะถูกดึงออกแล้วต้องใช้อุปกรณ์กดห้ามเลือดบริเวณที่ใส่สายสวนสักระยะหนึ่ง
โดยการตรวจและการรักษาวิธีนี้จะทำให้คนไข้ฟื้นตัวเร็ว เพราะไม่ต้องผ่าตัดใหญ่ และมีความเสี่ยงน้อยกว่า สามารถกลับบ้านไปทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ
การเตรียมตัวก่อนการตรวจสวนหัวใจ
- ผู้ป่วยต้องได้รับการตรวจร่างกายให้พร้อม เช่น การตรวจเลือด เอกซเรย์ปอดและตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ เป็นต้น
- ผู้ป่วยต้องเตรียมตัวเข้านอนพักในโรงพยาบาลก่อนหนึ่งวัน และเซ็นใบยินยอมเพื่อทำการรักษา
- ผู้ป่วยควรอาบนํ้าทําความสะอาดร่างกายให้พร้อม โดยผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาแล้วจะได้รับการทำความสะอาดบริเวณขา ขาหนีบทั้ง 2 ข้าง โดยการโกนขน ซึ่งเป็นบริเวณที่แพทย์จะทำการสวนสายสวนเข้าไป
- ผู้ป่วยต้องงดน้ำและอาหารก่อนเข้าตรวจประมาณ 4-6 ชั่วโมง
การปฏิบัติตัวหลังการตรวจสวนหัวใจ
- หลังการฉีดสีหัวใจ แพทย์จะแนะนำให้คนไข้นอนนิ่ง ๆ โดยนอนราบแล้วปรับเตียงให้ศีรษะสูง 30-45 องศาได้ หลังจากนั้นจึงจะสามารถเดิน หรือนั่งได้เบา ๆ ห้ามยกของหนัก หรือออกกำลังกายหนักเกินไปเพื่อป้องกันการฉีกขาดของเส้นเลือดแต่ผู้ป่วยสามารถพลิกตะแคงตัว และขยับเคลื่อนไหวปลายเท้าปลายนิ้วได้
- เจ้าหน้าที่จะใช้อุปกรณ์กดห้ามเลือด กดทับบริเวณแผลที่ข้อมือหรือวางหมอนทรายกดทับแผลขาหนีบเพื่อห้ามเลือดอย่างน้อย 2-4 ชั่วโมง
- ถ้าสังเกตพบว่า มีอาการเหนื่อยหอบหายใจ ใจสั่น เจ็บ หรือแน่นหน้าอก มึนงงวิงเวียนศีรษะ มีเลือดออกมากบริเวณแผลขาหนีบ หรือข้อมือ มีผื่นขึ้นตามตัวและเท้า มือเย็น ปวดชาปลายเท้า หรือมือ ควรรีบแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบทันที
- ผู้ป่วยควรดูแลแผลไม่ให้โดนนํ้า หากแผลแห้งดีผู้ป่วยสามารถอาบนํ้าได้ตามปกติ แต่ถ้าแผลไม่แห้งให้เช็ดด้วยแอลกอฮอล์แล้วใช้พาสเตอร์ปิดแผล
- กรณีผู้ป่วยไม่ได้จํากัดนํ้าหลังตรวจเสร็จผู้ป่วยควรดื่มนํ้ามาก ๆ อย่างน้อยวันละ 2,000 ต่อวันเพื่อให้ไตขับสารทึบแสงออกทางการขับถ่ายปัสสาวะ
- ควรงดการดื่มสุรา ชา กาแฟ นํ้าอัดลม และงดการสูบบุหรี่
- ควรรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ หลีกเลี่ยงอาหารรสหวาน มัน เค็มจัด เพราะจะเป็นการเพิ่มการทํางานของหัวใจให้ทำงานหนักมากขึ้น
