แผนกโรคลมชัก
โรคลมชัก (Seizures) เกิดจากการรบกวนของกระแสไฟฟ้าในสมองที่ไม่สามารถควบคุมได้ ก่อให้เกิดการเคลื่อนไหว ความรู้สึก หรือพฤติกรรมที่อาจเปลี่ยนแปลงไปโดยอาจรู้หรือไม่รู้ตัวขณะเกิดอาการลมชัก
การวินิจฉัยของอาการชัก
- การตรวจระบบประสาท เพื่อค้นหาปัญหาเกี่ยวกับสมองและระบบประสาท
- การตรวจเลือด เพื่อตรวจหาสัญญาณของการติดเชื้อ ภาวะทางพันธุกรรม ระดับน้ำตาลในเลือด หรือความไม่สมดุลของอิเล็กโทรไลต์
- การเจาะตรวจน้ำไขสันหลัง เพื่อตรวจหาการติดเชื้อที่อาจทำให้เกิดอาการชัก
- การตรวจคลื่นไฟฟ้าสมอง Electroencephalogram (EEG) เพื่อตรวจสอบการทำงานของสมองและคาดการแนวโน้มของการเกิดซ้ำของอาการชัก และเพื่อตอบคำถามว่าการชักนั้นเกิดจากโรคลมบ้าหมูหรือไม่
- การตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT) เพื่อเปิดเผยความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นในสมอง
- การถ่ายภาพด้วยคลื่นสนามแม่เหล็ก (MRI) เพื่อตรวจหาร่องรอยของโรคหรือความผิดปกติที่อาจทำให้เกิดอาการชัก
การรักษา
- รักษาตามอาการที่เป็นต้นเหตุของการชัก
- แพทย์จะพิจารณายากันชัก ซึ่งมีวิธีการให้ ประสิทธิภาพ รวมถึงผลข้างเคียงที่แตกต่างกัน
- หากอาการชักควบคุมไม่ได้ ปัจจุบันมีวิธีการรักษาหลายอย่าง เช่น Ketone diet, การกระตุ้นเส้นประสาท vagus รวมถึง การผ่าตัด เป็นต้น
การดูแลเพื่อลดโอกาสการเกิดการชัก รวมถึงการดูแลเมื่อมีอาการชัก
- หลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้น ต่างๆ เช่น ไข้ ความเครียด การพักผ่อนไม่เพียงพอ รับประทานยาบางชนิดที่มีผลต่อระดับยากันชัก
- ผู้ป่วยควรกินยากันชักอย่างสม่ำเสมอ และไม่ควรปรับยากันชักเอง
- เมื่อมีอาการชัก ญาติควรจดจำลักษณะอาการ หรือถ่าย Video ไว้ เพื่อที่แพทย์จะได้ให้คำแนะนำอย่างถูกต้อง
- เมื่อมีอาการชัก แนะนำให้ญาติจับผู้ป่วยนอนตะแคง หลีกเลี่ยงการใช้วัสดุที่เป็นของแข็งงัดปาก เนื่องจากจะทำให้เกิดการบาดเจ็บในช่องปากมากกว่าการชัก
- เฝ้าสังเกตอาการผู้ป่วยจนกว่าจะหยุดชัก โดยระหว่างนั้นให้ติดต่อสถานพยาบาลใกล้บ้าน
