อาการเวียนศีรษะ (Vertigo & Dizziness) เป็นอาการที่รู้สึกว่ามึนเวียนหัว อาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน เหงื่อออก หรือรุ้สึกโคลงเคลงร่วมด้วยได้ อาการเวียนศีรษะเป็นอาการที่พบได้บ่อย โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ แต่ก็สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย อาการเวียนศีรษะมีหลายรูปแบบ ทั้งแบบรู้สึกมึนงง วิงเวียน คล้ายจะเป็นลม
Vertigo เป็นอาการเวียนศีรษะที่รุนแรงกว่าอาการวิงเวียนทั่วไป ผู้ป่วยจะมีความรู้สึกว่าตัวเองหรือสิ่งแวดล้อมรอบตัวกำลังหมุนหรือเคลื่อนไหว ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน เหงื่อออก หรือเสียการทรงตัวร่วมด้วยได้
สาเหตุของโรค
มักเกิดจากความผิดปกติของระบบการทรงตัวในหูชั้นใน ซึ่งทำหน้าที่รับรู้การเคลื่อนไหวและการทรงตัวของร่างกาย สาเหตุที่พบบ่อย ได้แก่
- Benign Paroxysmal Positional Vertigo (BPPV) เกิดจากการที่ผลึกแคลเซียมคาร์บอเนต (หินปูน) ในหูชั้นในหลุดไปอยู่ในส่วนที่ไม่ควรอยู่ ทำให้เกิดอาการเวียนศีรษะเมื่อมีการเปลี่ยนท่าทางศีรษะ
- Meniere’s Disease (โรคน้ำในหูไม่เท่ากัน) เกิดจากความผิดปกติของแรงดันน้ำในหูชั้นใน ทำให้เกิดอาการเวียนศีรษะ บ้านหมุน หูอื้อ และมีเสียงดังในหู
- Vestibular Neuritis (การอักเสบของเส้นประสาทเวสติบูลาร์) เกิดจากการอักเสบของเส้นประสาทที่เชื่อมต่อระหว่างหูชั้นในและสมอง ทำให้เกิดอาการเวียนศีรษะอย่างรุนแรง คลื่นไส้ อาเจียน
- Labyrinthitis (การติดเชื้อในหูชั้นใน) เกิดจากการติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรียในหูชั้นใน ทำให้เกิดอาการเวียนศีรษะ หูอื้อ และสูญเสียการได้ยิน
Dizziness เป็นอาการเวียนศีรษะทั่วไป ซึ่งอาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น
- ความดันโลหิตต่ำ เมื่อความดันโลหิตต่ำลงอย่างรวดเร็ว อาจทำให้รู้สึกวิงเวียนศีรษะ หน้ามืด คล้ายจะเป็นลม
- น้ำตาลในเลือดต่ำ ผู้ป่วยเบาหวานอาจมีอาการเวียนศีรษะเมื่อระดับน้ำตาลในเลือดต่ำเกินไป
- การขาดน้ำ การดื่มน้ำไม่เพียงพออาจทำให้ร่างกายขาดน้ำและเกิดอาการวิงเวียนศีรษะได้
- ผลข้างเคียงของยา ยาบางชนิดอาจมีผลข้างเคียงทำให้เกิดอาการเวียนศีรษะได้
- ความเครียดและวิตกกังวล ความเครียดและวิตกกังวลอาจส่งผลต่อระบบประสาทและทำให้เกิดอาการวิงเวียนศีรษะได้
- พักผ่อนไม่เพียงพอ
การรักษาอาการเวียนศีรษะ
การรักษาอาการเวียนศีรษะจะขึ้นอยู่กับสาเหตุ หากเกิดจากความผิดปกติของหูชั้นใน แพทย์อาจแนะนำให้ใช้ยาเพื่อบรรเทาอาการ หรือทำกายภาพบำบัดเพื่อปรับสมดุลของระบบประสาทส่วนกลาง ในบางกรณีอาจต้องได้รับการผ่าตัด
หากมีอาการเวียนศีรษะบ่อยครั้ง รุนแรง หรือมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น ปวดศีรษะรุนแรง เป็นลม ชาหรืออ่อนแรงที่ใบหน้าหรือแขนขา พูดไม่ชัด มองเห็นภาพซ้อน เดินเซทรงตัวไม่ได้ หรือมีไข้ ควรรีบไปพบแพทย์ทันที
การดูแลตนเองเมื่อมีอาการเวียนศีรษะ
- พักผ่อนให้เพียงพอ
- หลีกเลี่ยงการเปลี่ยนท่าทางอย่างรวดเร็ว
- ดื่มน้ำมากๆ
- หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนและแอลกอฮอล์
อาการเวียนศีรษะอาจเป็นสัญญาณของโรคหรือความผิดปกติบางอย่าง ดังนั้นหากมีอาการเวียนศีรษะบ่อยครั้งหรือรุนแรง ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาที่เหมาะสม










