อาหารคีโตทานอย่างไร ทางเลือกใหม่ยอดนิยมของคนอยากลดน้ำหนัก

1 นาทีในการอ่าน
อาหารคีโตทานอย่างไร ทางเลือกใหม่ยอดนิยมของคนอยากลดน้ำหนัก
โรงพยาบาลกรุงเทพเชียงใหม่

แม้ว่าการกดสั่งชีสเค้กเจ้าดัง สเต็กไก่ทอดซอสเกรวี่ หรือชานมไข่มุกเสือพ่นไฟ นั้นแสนง่าย แต่การควบคุมน้ำหนักโดยการเลือกรับประทานอาหารที่เหมาะสมนั้น ก็ไม่ได้ยากเกินกว่าที่เราจะทำไม่ได้ ในหลากหลายวิธีควบคุมอาหารนั้น การทานคีโต ถือเป็นอีกวิธีที่ได้รับความนิยมอย่างมาก หากใครยังไม่ทราบว่าคีโตคืออะไร มีวิธีการทานอย่างไร ที่สำคัญคือมีความแตกต่างจากการ ลดน้ำหนัก วิธีอื่นอย่างไร บทความนี้พร้อมตอบทุกคำถาม

 

Ketogenic Diet (คีโตเจนิก ไดเอท)

หรือที่เรียกสั้น ๆ ว่า “อาหารคีโต” เป็นหลักการทานอาหารที่เน้นไขมันสูง โปรตีนรองลงมา และลดคาร์โบไฮเดรตให้น้อยที่สุด เพื่อกระตุ้นร่างกายสร้างสาร Ketone ช่วยเผาผลาญไขมัน จึงเหมาะทั้งผู้ต้องการควบคุมน้ำหนักและผู้ป่วยเบาหวานควบคุมระดับน้ำตาล

สัดส่วนอาหารหลักในคีโต

  1. ไขมัน 70%
    ไขมันดีจากพืชและน้ำมันไม่อิ่มตัว เช่น
    • ถั่วเปลือกแข็ง (อัลมอนด์, วอลนัท ฯลฯ)
    • อะโวคาโด, น้ำมันมะกอก, น้ำมันรำข้าว
    • เนย, ชีส, ปลาทะเล
  2. โปรตีน 25%
    จากเนื้อสัตว์และพืช เช่น
    • เนื้อหมู, ไก่, ปลา, ไข่
    • ถั่วเหลือง, เต้าหู้, เทมเป้, เมล็ดฟักทอง
  3. คาร์โบไฮเดรต 5%
    ผักใบเขียว ผลไม้ไม่หวานจัด นมมะพร้าว นมอัลมอนด์ ฯลฯ รวมกันไม่เกิน 1½ ถ้วย (≈3 กำมือเล็ก) ต่อวัน

อาหารที่ควรงด

เพื่อให้คีโตได้ผล ควรงดอาหารคาร์โบไฮเดรตสูงทุกชนิด และไขมันทรานส์ เช่น

  • ข้าว แป้ง เส้นก๋วยเตี๋ยว พาสต้า
  • น้ำตาล ขนมเค้ก แอลกอฮอล์
  • อาหารทอด เนื้อสัตว์แปรรูป ครีมเทียม

ข้อควรระวัง

คีโตไม่ควรทำระยะยาว เพราะอาจขาดสารอาหาร จำกัดคาร์บเพียง 20–50 กรัม/วัน การลดน้ำหนักจะเร็วสุด 6 เดือนแรก หลังนั้นจะคงที่เทียบกับวิธีอื่น

ด้วยความปรารถนาดีจาก
ศูนย์ควบคุมน้ำหนัก แผนกอายุรกรรม | โรงพยาบาลกรุงเทพเชียงใหม่

สอบถามเพิ่มเติมที่

แผนกอายุรกรรม

วันจันทร์ – วันอาทิตย์ 08.00 – 22.00 น.