เบาหวาน ภัยเงียบที่ต้องดูแลอย่างเป็นระบบ
โรคเบาหวานได้กลายเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญของประเทศไทย โดยปัจจุบันมีจำนวนผู้ป่วยสะสมมากกว่า 6.5 ล้านคน ซึ่งหมายความว่าประชากรไทยที่มีอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไปทุก 11 คนจะมี 1 คนที่ต้องต่อสู้กับโรคเบาหวาน ที่น่าวิตกยิ่งกว่าคือในจำนวนผู้ป่วยเหล่านี้กว่า 40% ยังไม่ทราบว่าตนเองเป็นโรคเบาหวาน นอกจากนี้ยังพบว่ามีผู้ป่วยโรคอ้วนมากกว่า 20 ล้านคนที่อาจมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวานในอนาคต เพื่อให้การดูแลรักษาผู้ป่วยเบาหวานเกิดประสิทธิผลสูงสุด จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทีมบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขหลายสาขาวิชาชีพ เพื่อสร้างระบบการดูแลที่ครบวงจรและตอบสนองความต้องการของผู้ป่วยในทุกมิติ
ทำไมต้องเลือกรักษาที่แผนกเบาหวานครบวงจร ของโรงพยาบาลกรุงเทพเชียงใหม่
- การดูแลแบบองค์รวม (Holistic Care) การรักษาเบาหวานที่ประสบความสำเร็จไม่ได้มาจากการใช้ยาเพียงอย่างเดียว แต่ต้องการการดูแลที่ครอบคลุม ตั้งแต่การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทาน การออกกำลังกาย การรักษาด้วยยา และการติดตามภาวะแทรกซ้อน
- ความสะดวกและประหยัดเวลา การมีบริการครบวงจรในที่เดียว ช่วยลดเวลาเดินทาง ลดความยุ่งยากในการนัดหมาย และทำให้การดูแลรักษามีความต่อเนื่อง
- ทีมสหสาขาวิชาชีพในคลินิกเบาหวานครบวงจร
- แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเบาหวานและโรคแทรกซ้อนจากเบาหวาน
- แพทย์อายุรกรรมต่อมไร้ท่อ มีความเชี่ยวชาญในการดูแลรักษาเบาหวาน และโรคเกี่ยวกับระบบฮอร์โมน
- การวินิจฉัยและกำหนดแผนการรักษาที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล
- การติดตามและปรับเปลี่ยนยาตามความเหมาะสม
- การดูแลภาวะแทรกซ้อนต่างๆ เช่น โรคไต โรคตา โรคหัวใจ โดยทีมแพทย์เฉพาะทาง ได้แก่
-
- จักษุแพทย์ ตรวจและรักษาภาวะแทรกซ้อนทางตา เช่น เบาหวานขึ้นตา
- อายุรแพทย์โรคไต ดูแลเมื่อผู้ป่วยเบาหวานเริ่มมีภาวะไตเสื่อม
- อายุรแพทย์โรคหัวใจ ประเมินและรักษาภาวะหัวใจและหลอดเลือด ซึ่งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้นๆ ในผู้ป่วยเบาหวาน
- อายุรแพทย์โรคระบบประสาท รักษาภาวะแทรกซ้อนของเส้นประสาท เช่น เบาหวานลงปลายประสา
- แพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู ออกแบบรองเท้าที่เหมาะกับผู้ป่วยเบาหวาน เพื่อป้องกันการเกิดแผลที่เท้า
-
- พยาบาลวิชาชีพ (Diabetes Nurse Educator)
- การให้ความรู้และคำปรึกษา เกี่ยวกับการดูแลตนเองสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน
- การสอนการตรวจค่าน้ำตาลในเลือดด้วยตนเอง และการบันทึกผลอย่างถูกต้อง
- การให้คำแนะนำการฉีดอินซูลิน ทั้งเทคนิคและเวลาที่เหมาะสม
- การติดตามอาการและผลข้างเคียง จากการใช้ยา
- การให้การสนับสนุนทางจิตใจ และการปรับตัวกับโรค
-
นักกำหนดอาหาร
- การประเมินภาวะโภชนาการ และความต้องการพลังงานของแต่ละบุคคล
- การวางแผนอาหารเฉพาะบุคคล ที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์และความชอบ
- การให้ความรู้เรื่องการนับคาร์โบไฮเดรต และการเลือกอาหารที่เหมาะสม
- การติดตามและปรับแผนอาหาร ตามผลการรักษา
- การแนะนำอาหารทดแทนและเสริมอาหาร ที่เหมาะสมสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน
- แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเบาหวานและโรคแทรกซ้อนจากเบาหวาน

บริการครบวงจรในคลินิกเบาหวาน
-
- การตรวจวินิจฉัย
- การตรวจค่าน้ำตาลในเลือดแบบครบถ้วน ทั้ง FBS, Random glucose, HbA1c
- การตรวจ OGTT (Oral Glucose Tolerance Test) เพื่อการวินิจฉัยที่แม่นยำ
- การตรวจภาวะแทรกซ้อน เช่น การตรวจไต การตรวจตา การตรวจหัวใจ และการตรวจระบบประสาท
- การตรวจประเมินปัจจัยเสี่ยง อื่นๆ เช่น ไขมันในเลือด ความดันโลหิต
- การรักษาและควบคุม
- การกำหนดเป้าหมายการรักษาเฉพาะบุคคล ตามอายุ ภาวะสุขภาพ และปัจจัยเสี่ยง
- การใช้ยาเบาหวานที่หลากหลาย ทั้งยาชนิดรับประทานและยาฉีด (อินซูลิน หรือยากลุ่ม GLP-1 receptor agonist)
- การรักษาด้วย เครื่องให้อินซูลินแบบต่อเนื่องใต้ผิวหนัง (Insulin Pump) เป็นอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ใช้ในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยเบาหวาน โดยการปล่อยอินซูลินในปริมาณน้อยอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวัน (basal) และสามารถสั่งให้ฉีดอินซูลินเสริมเมื่อรับประทานอาหาร (bolus)
- การติดตามผลการรักษาอย่างสม่ำเสมอ และปรับแผนการรักษาตามความเหมาะสม
- การจัดการภาวะแทรกซ้อน อย่างทันท่วงที
-
การให้ความรู้และคำปรึกษา
- โปรแกรมให้ความรู้เรื่องเบาหวาน อย่างเป็นระบบ
- การฝึกทักษะการดูแลตนเอง ทั้งการตรวจน้ำตาล การฉีดยา การดูแลเท้า
- การให้คำปรึกษาเรื่องการออกกำลังกาย ที่เหมาะสมกับผู้ป่วยเบาหวาน
- การให้คำปรึกษาการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เพื่อการควบคุมโรคที่ดีขึ้น
-
การตรวจวิเคราะห์ด้วยเครื่องมือทันสมัย
- เครื่องตรวจระดับน้ำตาลในเลือดแบบต่อเนื่อง (Continuous Glucose Monitoring) เป็นอุปกรณ์ที่ฝังเซนเซอร์เล็กๆ ไว้ใต้ผิวหนัง ทำหน้าที่ตรวจวัดระดับกลูโคสได้ตลอด 24 ชั่วโมง สามารถแสดงผลแบบเรียลไทม์ และเตือนเมื่อระดับน้ำตาลสูงหรือต่ำเกินไป
- การตรวจภาวะแทรกซ้อนด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง
- การตรวจวินิจฉัย
-
-
-
- EKG, Echo, CT coronary artery calcium score ตรวจภาวะหัวใจผิดจังหวะและกล้ามเนื้อหัวใจทำงานผิดปกติ เนื่องจากโรคเบาหวานเพิ่มความเสี่ยงต่อหัวใจขาดเลือดโดยไม่มีอาการเจ็บหน้าอก (Silent MI)
- เครื่องตรวจการนำกระแสประสาท (Nerve Conduction Study – NCS) ตรวจภาวะ เบาหวานลงปลายประสาท ตรวจพบความเสื่อมของเส้นประสาทได้แม้ยังไม่มีอาการชัดเจน
- Carotid doppler ultrasound ใช้คัดกรองโรคหลอดเลือดคาโรทิดตีบตัน ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะเส้นเลือดในสมองตีบ
- ABI (Ankle-Brachial Index) ใช้ตรวจ โรคหลอดเลือดส่วนปลายตีบ
- Albumin/Creatinine Ratio (ACR) ตรวจหาภาวะ โปรตีนรั่วในปัสสาวะสามารถตรวจคัดกรองโรคไตจากเบาหวานตั้งแต่ระยะแรก
- Optical Coherence Tomography (OCT) ตรวจความหนาของจอประสาทตาในระดับละเอียด ใช้ตรวจ จุดรับภาพบวม (macular edema) จากเบาหวาน
- ตรวจเท้าเบาหวานด้วย Monofilament ตรวจการรับความรู้สึกของผิวหนังบริเวณ
-
-
ระบบติดตามและประเมินผล
- แอปพลิเคชันสำหรับบันทึกและติดตามผล เมื่อใช้เครื่องตรวจระดับน้ำตาลในเลือดแบบต่อเนื่อง
- ระบบเตือนการทานยา
- การรายงานผลแบบออนไลน์
-
การป้องกันและดูแลเบาหวานในระยะยาว
- การปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทาน การออกกำลังกาย และการลดน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม เป็นปัจจัยสำคัญในการควบคุมเบาหวานในระยะยาว
- การติดตามสม่ำเสมอ การมาตรวจตามนัดอย่างสม่ำเสมอ ช่วยให้การควบคุมโรคมีประสิทธิภาพและป้องกันภาวะแทรกซ้อน
- การสร้างแรงจูงใจ การมีเป้าหมายที่ชัดเจนและการได้รับการสนับสนุนจากทีมแพทย์ ช่วยให้ผู้ป่วยมีแรงจูงใจในการดูแลตนเองอย่างต่อเนื่อง
การดูแลเบาหวานอย่างมีประสิทธิภาพต้องอาศัยความร่วมมือจากทีมสหสาขาวิชาชีพที่มีความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน แผนกเบาหวานโรงพยาบาลกรุงเทพเชียงใหม่ พร้อมดูแลด้วยทีมแพทย์ พยาบาล นักกำหนดอาหารที่มีประสบการณ์ และทีมสหสาขาวิชาชีพที่สามารถประสานงานกันได้อย่างใกล้ชิด ทำให้การดูแลมีความต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพสูงสุด การลดความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อน มีการติดตามภาวะแทรกซ้อนอย่างสม่ำเสมอ ทำให้สามารถปรับแผนการรักษาอย่างรวดเร็วทันท่วงที
นอกจากนี้ ผู้ป่วยยังได้รับการสนับสนุนทางจิตใจและการดูแลจากทีมที่เข้าใจและให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง ช่วยให้ผู้ป่วยมีกำลังใจในการดูแลตนเอง ตลอดจนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น





