อายุ 50 ปี ควรตรวจมะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็ง Gen B

2 นาทีในการอ่าน
อายุ 50 ปี ควรตรวจมะเร็งลำไส้ใหญ่  มะเร็ง Gen B
โรงพยาบาลกรุงเทพเชียงใหม่

Gen B หรือ Baby Boomer เป็นกลุ่มบุคคลที่มีอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป ซึ่งเป็นวัยที่ร่างกายต้องการการตรวจคัดกรองภาวะเสื่อมของอวัยวะในร่างกาย เพื่อให้พบเจอความเสี่ยงของการเกิดโรคต่างๆ และเตรียมตัวดูแลรักษาได้ทันการณ์ ลดภาวะการนำไปสู่โรคร้ายแรงต่างๆ ได้

เป็นที่น่าเสียดายว่า คนไทยส่วนใหญ่ มักตรวจพบมะเร็งช้าไป มักพบในระยะท้ายๆ ของตัวโรคแล้ว มักไปตรวจเมื่อมีอาการเท่านั้น เป็นเหตุให้พบมะเร็งขนาดใหญ่ หรือ ระยะลุกลามแล้ว

แต่แท้จริงแล้ว เราสามารถตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้ ตั้งแต่ยังไม่มีอาการใดใดทั้งสิ้น เพียงเมื่อพบติ่งเนื้อขนาดเล็กที่เรียกว่า Polyp ซึ่งสามารถตัดทิ้งแต่ต้น ก็จะลดความเสี่ยงของมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้

สำหรับประเทศไทย มะเร็งลำไส้พบเป็นอันดับ 3 ของมะเร็งทั้งหมด มีรายงานสถิติ จากสถาบันมะเร็งแห่งชาติ ในปี พ.ศ. 2547 พบว่า เป็นมะเร็งที่มีอุบัติการณ์ สูงเป็นลำดับ 3ในผู้ชาย และลำดับ 5 ในผู้หญิง โดยมีอายุเฉลี่ย 50 ปีขึ้นไป และเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่มากกว่าลำไส้ตรง

 

ใครบ้างที่มีความเสี่ยงและควรตรวจมะเร็งลำไส้

  1. อายุมากกว่า 50 ปี
  2. มีประวัติเป็นมะเร็งลำไส้ในครอบครัว หรือ ติ่งเนื้อในครอบครัว
  3. มักรับประทานอาหารที่มีความเสี่ยง เช่น อาหารที่ไขมันสูง เนื้อแดง ไฟเบอร์ต่ำ (Low-fiber, high-fat diet.)
  4. ดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่เรื้อรัง
  5. คนอ้วน น้ำหนักตัวมาก
  6. คนไข้ที่มีประวัติ ลำไส้อักเสบเรื้อรัง (Inflammatory Bowel Disease)

 

หากมีอาการเหล่านี้ให้สังเกตตนเอง ว่าอาจมีความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งลำไส้ได้

– ท้องผูก สลับท้องเสีย

– ถ่ายอุจจาระมีเลือดปน

– ปวดท้องเรื้อรัง อืดแน่นท้อง ไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยยา

– คลำได้ก้อนในท้อง

– อุจจาระลำเล็กลง

– ถ่ายอุจจาระไม่สุด เหมือนมีอะไรค้างที่รูทวาร

– น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ

หากรู้สึกว่ามีพฤติกรรมและไลฟ์สไตล์ที่มีความเสี่ยงดังที่กล่าวมาข้างต้น สามารถเข้ารับการตรวจคัดกรองมะเร็งได้ด้วยวิธีต่างๆ  คลิกเพื่อขอคำแนะนำเพิ่มเติม

 

วิธีการตรวจคัดกรองมะเร็ง

  1. การตรวจส่องกล้องลำไส้ใหญ่ (Colonoscopy) ซึ่งเป็นวิธีที่แม่นยำที่สุด [standrad]
  2. การตรวจทางทวารหนักด้วยนิ้วมือ (Digital Rectal Examination, DRE) ปีละ 1 ครั้ง
  3. การตรวจหาเลือดในอุจจาระ (Fecal Occult Blood Test, FOBT), FIT (fecal immunochemical test) ปีละ 1 ครั้ง
  4. การตรวจด้วยการส่องกล้องตรวจลำไส้ส่วนปลายและทวารหนัก Flexible Sigmoidoscopy ทุก 5 ปี
  5. การตรวจโดยการสวนสารทึบรังสีเข้าทางทวารหนักและใส่ลมเข้าไปเป็นบางช่วงเพื่อการตรวจเอกซเรย์พิเศษทางรังสีของลำไส้ ใหญ่ (Double-Contrast) ทุก 5-10 ปี

 

อย่างไรก็ตาม การปรับพฤติกรรมโดยเฉพาะการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และถูกสุขลักษณะ ก็ยังคงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับชาว Gen B เพื่อให้สุขภาพแข็งแรงและชะลอความเสื่อมในอวัยวะต่างๆ ของร่างกาย โดยเฉพาะการเข้ารับการตรวจสุขภาพประจำปี และตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่ (Colon Cancer Screening Program)

  1. หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง เนื้อแดง อาหารไม่มีประโยชน์ไม่มีคุณภาพทางโภชนาการ ให้พลังงานสูงมากเกินไป (Junk Food)
  2. งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และงดการสูบบุหรี่
  3. คุมน้ำหนักตัวให้ปกติ
  4. รับประทานอาหารที่มีกากใย และดื่มน้ำวันละ 1-1.5 ลิตร เพื่อหลีกเลี่ยงอาการท้องผูก
  5. หมั่นสังเกตุอุจจาระ

 

แพทย์หญิง ชัชฎาภรณ์ โตวรกุล 

อายุรศาสตร์โรคระบบทางเดินอาหาร

แผนกระบบทางเดินอาหารและตับ

 

บทความที่เกี่ยวข้อง

 

 

 

ข้อมูลโดย

Doctor Image

พญ. ชัชฎาภรณ์ โตวรกุล

อายุรศาสตร์

อายุรศาสตร์โรคระบบทางเดินอาหาร

พญ. ชัชฎาภรณ์ โตวรกุล

อายุรศาสตร์

อายุรศาสตร์โรคระบบทางเดินอาหาร
Doctor profileDoctor profile

สอบถามเพิ่มเติมที่

Gastrointestinal and Liver Clinic

Service Hours: Daily 08.00 – 17.00