ในการรักษาหลอดเลือดหัวใจผ่านสายสวน การพบคราบหินปูนปริมาณมากในรอยโรค (Severe Coronary Calcification) นั้นเป็นอุปสรรคสำคัญต่อกระบวนการและผลของการรักษา ผ่านทางสายสวนและการวางขดลวด ซึ่งอาจพบภาวะนี้ได้ถึง 1 ใน 4 ของผู้ป่วยหลอดเลือดหัวใจโดยมักพบได้บ่อยในผู้ป่วยสูงอายุเบาหวานและโรคไต
หินปูนในหลอดเลือดหัวใจนั้นเป็นอุปสรรคต่อการผ่านอุปกรณ์ รวมไปถึงทำให้ขดลวดขยายตัวได้ไม่เต็มที่ ซึ่งมีความสัมพันธ์กับการเกิดขดลวดตัน การต้องกลับมาสวนหัวใจ และการนอนโรงพยาบาลซ้ำ
การรักษารอยโรคที่มีคราบหินปูนทำอย่างไร
ในอดีตได้มีการพัฒนาอุปกรณ์ต่างๆเพื่อตัดขยายคราบหินปูนในหลอดเลือดหัวใจเริ่มตั้งแต่บอลลูนความดันสูง (High Pressure – Non Compliance Balloon) ซึ่งอาจได้ผลในบางรอยโรค แต่มีโอกาสเสี่ยงที่จะทำให้หลอดเลือดบริเวณที่นิ่มกว่าได้รับบาดเจ็บหรือปริแตกได้ ถัดมาคือบอลลูนที่มีใบมีดหรือเส้นเอ็น (Cutting / Scoring Balloon) เพื่อทำให้เกิดรอยบากบนแผ่นหินปูน ตามด้วยการขยายด้วยบอลลูนแรงดันสูง ทำให้ความสำเร็จในการขยายหลอดเลือดเพิ่มมากขึ้น แต่อย่างไรก็ดีมักไม่ได้ผลในรอยโรคที่หินปูนหนามาก ต่อมาได้มีการคิดค้นหัวกรอ (เจียร) กากเพชร (Rotational Atherectomy) เพื่อไถหรือฝานหินปูนในชั้นผิวด้านในหลอดเลือดให้หลุดออกไป ซึ่งเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการกำจัดหินปูนให้ออกไปจากรอยโรค (Ablation) และเพิ่มความสำเร็จในการใส่ขดลวด รวมถึงผลลัพธ์ที่ดี แต่ยังต้องแลกกับความซับซ้อนของหัตถการ ต้องพึ่งความสัมพันธ์ระหว่างลวดนำทางกับตำแหน่งหินปูน รวมถึงภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ
อย่างไรก็ดีวิธีการที่กล่าวมาทั้งหมดนั้นจะได้ผลดีเฉพาะคราบหินปูนในชั้นในสุด (ผิว) ของหลอดเลือดเท่านั้น ไม่สามารถจัดการกับหินปูนชั้นลึก ซึ่งเป็นต้นเหตุสำคัญของการขยายตัวไม่เต็มที่ของขดลวด จึงนำมาสู่การใช้คลื่นกระแทกส่งผ่านบอลลูนสายสวน (IntraVascular Lithotripsy : IVL)

ภาพ Optical Coherence Tomography (OCT) แสดงหินปูนในหลอดเลือดหัวใจ, (ซ้าย) หินปูนชั้นลึกที่มีความหนามาก, (ขวา) หินปูนชั้นลึกที่เป็นวงกว้าง เกินกว่าครึ่งหนึงของเส้นรอบวงหลอดเลือด (หัวลูกศร)
IVL คืออะไร
Intravascular Lithotripsy (IVL) คือ เทคโนโลยีการรักษาหลอดเลือดหัวใจตีบผ่านสายสวน โดยส่งผ่านคลื่นเสียงไปยังผนังหลอดเลือดผ่านทางบอลลูน เมื่อคลื่นเสียงสัมผัสกับผนังหลอดเลือดจะเปลี่ยนเป็นแรงกายภาพส่งผ่านไปยังบริเวณที่มีความแข็งหรือแรงต้านในหลอดเลือดมาก (ซึ่งก็คือบริเวณที่มีหินปูน ทำให้หินปูนแตกเป็นชิ้นเล็กๆ) โดยไม่กระทบเนื้อเยื่ออื่น (ต่างจากการใช้บอลลูนแรงดันสูง) ทำให้ความยืดหยุ่นของหลอดเลือดเพิ่มมากขึ้น นำไปสู่การขยายของขดลวด และพื้นที่ในหลอดเลือดที่มากขึ้น
ข้อดีของ IVL คืออะไร
- สามารถแก้ไขปัญหาของหินปูนในชั้นลึกได้
- ลดการบาดเจ็บต่อเนื้อเยื่อโดยรอบเมื่อเทียบกับบอลลูนแรงดันสูง
- เพิ่มความสำเร็จในการส่งผ่านอุปกรณ์รวมถึงขนาดพื้นที่หน้าตัดในขดลวดลดความเสี่ยงการตีบตันซ้ำ
- ฟื้นตัวเร็ว ลดระยะเวลาในการพักฟื้น
ใครที่เหมาะกับการรักษาด้วย IVL
- ผู้ป่วยที่มีคราบหินปูนมากในรอยโรคหลอดเลือดหัวใจ
- ผู้ที่เคยใส่ขดลวด (Stent) แล้วขยายได้ไม่ดีเนื่องจากคราบหินปูน
ดูแลหลังรักษาด้วย IVL อย่างไร
- พักฟื้นที่โรงพยาบาลประมาณ 1 – 2 วัน
- รับประทานยาตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เช่น ยาต้านการแข็งตัวของเลือด
- ตรวจติดตามกับแพทย์ตามนัดหมายทุกครั้ง

ทำไมถึงเลือกรักษาหลอดเลือดหัวใจตีบที่โรงพยาบาลหัวใจกรุงเทพ
- โรงพยาบาลเอกชนเฉพาะทางด้านโรคหัวใจแห่งแรกในประเทศไทย โดยได้รับการจัดอันดับเป็น “หนึ่งในโรงพยาบาลเฉพาะทางด้านการรักษาและผ่าตัดโรคหัวใจที่ดีสุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ปี 2025” จากการจัดอันดับโดย Newsweek และ Statista
- ทีมแพทย์ผู้ชำนาญการรักษาหลอดเลือดหัวใจตีบชนิดซับซ้อนผ่านสายสวน
- เทคโนโลยีการตรวจวินิจฉัยและรักษาโรคหลอดเลือดหัวใจซับซ้อน ที่ทันสมัย อาทิ FFR/iFR, IVUS, OCT, Rotational Atherectomy, IVL.
- ประเมิน วางแผน ออกแบบการรักษาโรคหัวใจเฉพาะบุคคล Tailored Treatment โดยทีมแพทย์หัวใจ
- ห้องปฏิบัติการสวนหัวใจ (Cath Lab) ที่ทันสมัย
- มีมาตรฐานและผลลัพธ์การรักษาที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล
โรงพยาบาลที่ชำนาญการรักษาหลอดเลือดหัวใจ
โรงพยาบาลหัวใจกรุงเทพมีทีมแพทย์เฉพาะทางหัวใจที่มีความชำนาญในการรักษาโรคหลอดเลือดหัวใจด้วยความชำนาญและประสบการณ์ของทีมแพทย์ พร้อมเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัย พร้อมดูแลทุกปัญหาหัวใจในทุก เจเนอเรชันด้วยความใส่ใจ เพื่อให้กลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดีอีกครั้ง
หากคุณมีอาการเจ็บหน้าอก เหนื่อยง่าย หรือมีโรคประจำตัว อย่ารอจนสายเกินไป
เพราะหัวใจของคุณ…สำคัญเกินกว่าจะเสี่ยง
แพทย์ที่ชำนาญการรักษาหลอดเลือดหัวใจตีบ
นพ.วีระ ลุวีระ อายุรแพทย์โรคหัวใจ โรงพยาบาลหัวใจกรุงเทพ
สามารถคลิกที่นี่เพื่อทำนัดหมายได้ด้วยตนเอง








