ทำไมคนอายุน้อยก็เป็นหลอดเลือดสมองตีบ แตก ตันได้ การสังเกตอาการเตือนและควบคุมปัจจัยเสี่ยงเป็นเรื่องที่ไม่ควรละเลย ที่สำคัญหากมีอาการต้องรีบเข้ารับการรักษาใน 4.5 ชั่วโมงก่อนเซลล์สมองเสียหายและไม่กลับมาเป็นเหมือนเดิม
โรคหลอดเลือดสมองพบมากในคนไทยและเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 2 รองจากโรคมะเร็งเพราะฉะนั้นจึงควรสังเกตอาการและรีบพบแพทย์โดยเร็วเพื่อทำการรักษา
1) สังเกตอาการโรคหลอดเลือดสมองหรือสโตรก (Stroke) อย่างไร
อาการของโรคหลอดเลือดสมองหรือสโตรกที่สังเกตได้ คือ
- พูดไม่ชัด
- ปากเบี้ยว
- แขนขาอ่อนแรง
- เวียนศีรษะ
- บ้านหมุน
- ปวดศีรษะมาก
2) ปัจจัยเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมองหรือสโตรก (Stroke) คืออะไร
- ความดันโลหิตสูง
- ไขมันในเลือดสูง
- โรคหัวใจ เช่น โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ
- ผู้ที่น้ำหนักเกินเกณฑ์ ผู้ป่วยโรคอ้วน
- ผู้ที่ขาดการออกกำลังกาย
- หลอดเลือดที่คอตีบ ถ้าตีบมากเกิน 70% ต้องเข้ารับการผ่าตัดโดยเร็ว
- ภาวะนอนกรน ผู้ป่วยนอนกรนบางครั้งสมองขาดออกซิเจน เรียกว่า ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Obstructive Sleep Apnea – OSA) การรักษานอกจากลดน้ำหนักแล้วอาจต้องใส่เครื่องพ่นลมเพื่อป้องการขาดออกซิเจนในเวลากลางคืน
3) คนอายุน้อยเป็นโรคหลอดเลือดสมองหรือสโตรก (Stroke) ได้ไหม
ผู้ป่วยอายุน้อยสามารถเป็นโรคหลอดเลือดสมองหรือสโตรก (Stroke) ได้ โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคหัวใจ อาจเกิดลิ่มเลือดที่สมองได้ ดังนั้นหากมีอาการหรือพบใครที่มีอาการเป็นโรคหลอดเลือดสมองต้องรีบไปพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยหรือรักษาโรคภายใน 4.5 ชั่วโมง เพราะโรคหลอดเลือดสมองหรือสโตรก (Stroke) สำคัญที่สุดคือการดูแลรักษาช่วงแรก
4) Golden Hour คืออะไร
Golden Hour คือ ช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดในการรักษาผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองอุดตัน เพราะหากเกินเวลาตรงนี้ไปแล้ว เซลล์สมองจะเกิดความเสียหายเรื่อย ๆ และไม่กลับมาเป็นปกติ อาจเสียหายถาวร ดังนั้นภายใน 4.5 ชั่วโมงแรก ถ้าแพทย์ตรวจพบว่ามีเส้นเลือดอุดตัน หากมีขนาดเล็กจะทำการให้ยาละลายลิ่มเลือดทางหลอดเลือดดำ (rt-PA) เพื่อให้ผู้ป่วยฟื้นขึ้นมาได้อย่างน้อย 30% อย่างไรก็ตามในผู้ป่วยที่มาเกิน 4.5 ชั่วโมง แต่ไม่เกิน 24 ชั่วโมง มีเครื่องมือในการตรวจวินิจฉัยและเอกซเรย์หากพบว่าหลอดเลือดอุดตันขนาดใหญ่ แพทย์ที่มีความชำนาญเฉพาะทางจะใส่สายสวนเพื่อลากลิ่มเลือดออกมา ช่วยชีวิตผู้ป่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะฉะนั้น Golden Hour จึงเปรียบเสมือนการต่อสู้กับเวลา ซึ่งการจะเอาชนะหลอดเลือดสมองอุดตัน ภายใน 4.5 ชั่วโมงเป็นช่วงเวลาที่สำคัญมากในการรักษาโรคนี้
5) ความสำคัญของการปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์
ความสำคัญของ Lifestyle Modification หรือการปรับปรุงหรือพัฒนาพฤติกรรมบุคคล ทำอย่างไรจะไม่เป็นโรคหลอดเลือดสมองหรือสโตรก (Stroke) และทำอย่างไรจะไม่กลับมาเป็นอีก ซึ่งต้องแก้ที่ปัจจัยเสี่ยง เพราะการป้องกันโรคหลอดเลือดสมองหรือสโตรก (Stroke) ดีกว่าการรักษาได้แก่
- ความดันโลหิตสูง ต้องพยายามควบคุมน้ำหนัก ลดการบริโภคเกลือ ออกกำลังกาย รับประทานผักและผลไม้เยอะ ๆ ถ้าป่วยเป็นความดันโลหิตสูงต้องรับประทานยาตามที่แพทย์สั่งให้สม่ำเสมอ
- งดสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์
- โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะต้องพบแพทย์โดยเร็วถ้าไม่ได้รับประทานยามีโอกาสที่จะเกิดลิ่มเลือดที่สมองได้
ข้อมูลโดย
นพ.ชาญพงค์ ตังคณะกุล ผู้อำนวยการศูนย์โรคหลอดเลือดสมอง โรงพยาบาลกรุงเทพอินเตอร์เนชันแนล








