โรคเบาหวาน (Diabetes Mellitus, DM)
โรคเบาหวานเป็นภาวะที่ระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติ เนื่องจากการขาดหรือดื้อต่อฮอร์โมนอินซูลิน ทำให้การนำกลูโคสมาสู่เซลล์เกิดความผิดปกติและมีน้ำตาลสะสมในเลือด
อาการของโรคเบาหวาน
- กระหายน้ำมาก / ปากแห้ง
- ปัสสาวะบ่อย
- หิวบ่อย น้ำหนักเปลี่ยน
- สายตาพร่ามัว
- เหนื่อยง่าย
- ชา ปลายมือ-ปลายเท้า
- แผลหายช้า

ใส่รูปประกอบอาการหรืออินโฟกราฟิกที่ช่วยอธิบายสาเหตุและอาการของโรคเบาหวาน
การสังเกตเท้าด้วยตนเอง

- อุณหภูมิผิว / สีผิว: สังเกตว่าเท้าร้อน เย็น ซีด แดง หรือดำคล้ำ — อาจบ่งชี้ปัญหาระบบการไหลเวียนหรือการอักเสบ
- บาดแผล / แผลถลอก: ตรวจซอกนิ้วและเล็บว่ามีแผลถูกของแหลมหรือไม่
- ผิวหนังหนา / ตาปลา / รอยแตก: บริเวณที่หนาผิดปกติอาจทำให้การรับความรู้สึกลดลงหรือเกิดแผลจากการเสียดสี
- เล็บขบ / เล็บหนา / เชื้อรา: อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการติดเชื้อและการอักเสบ
- การผิดรูปของนิ้วเท้า/เท้า: ทำให้แรงกดเพิ่มขณะเดินหรือใส่รองเท้า ซึ่งอาจเกิดแผลกดทับได้
การดูแลตนเอง
แนวทางปฏิบัติเพื่อป้องกันปัญหาเท้าในผู้ป่วยเบาหวาน
- ระวังความชื้นบริเวณเท้า — เช็ดเท้าให้แห้งโดยเฉพาะซอกนิ้ว
- ป้องกันเชื้อราที่เท้าและเล็บด้วยการรักษาความสะอาดและใช้ผลิตภัณฑ์ตามคำแนะนำแพทย์
- สวมรองเท้าที่สบายและห่อหุ้มเท้า ไม่เสียดสี และควรเลือกถุงเท้าที่ระบายอากาศได้ดี
- ตรวจเท้าอย่างสม่ำเสมอ หากพบแผล/บวม/ร้อนขึ้น/มีกลิ่น ให้รีบปรึกษาแพทย์
การออกกำลังกายเพื่อเท้า (เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนและเส้นประสาท)
คำแนะนำ: ทำช้า ๆ ตามความสามารถของตนเอง หากมีอาการปวดหรือผิดปกติ ให้หยุดและปรึกษากายภาพบำบัดหรือแพทย์

1. กระดกข้อเท้าขึ้น-ลง
กระดกข้อเท้าขึ้น ค้าง 5 วินาที → กระดกลง ค้าง 5 วินาที ทำสลับช้า ๆ จำนวน 20 ครั้ง (เช้า – กลางวัน – เย็น)

2. หมุนข้อเท้า
หมุนข้อเท้าเข้าและออกอย่างช้า ๆ 20 ครั้ง ต่อชุด (เช้า – กลางวัน – เย็น)

3. จิกผ้าด้วยนิ้วเท้า
วางผ้าบนพื้น ใช้นิ้วเท้าจิกผ้า ค้าง 5 วินาที ทำ 20 ครั้ง (เช้า – กลางวัน – เย็น) เพื่อฝึกกล้ามเนื้อเล็ก ๆ ในฝ่าเท้า

4. นั่งยกขา เหยียดเข่า แล้วกระดกข้อเท้า
นั่ง ยกขาขึ้น เหยียดเข่าตึง กระดกข้อเท้าขึ้น ค้าง 5 วินาที ทำ 20 ครั้ง (เช้า – กลางวัน – เย็น)



