10 เทรนด์ฟิตเนส 2023 ที่คนรักสุขภาพต้องรู้

3 นาทีในการอ่าน
10 เทรนด์ฟิตเนส 2023 ที่คนรักสุขภาพต้องรู้

แชร์

เพราะการออกกำลังกายมีประโยชน์ต่อสุขภาพในทุกช่วงวัยจึงไม่แปลกที่ชาวฟิตเนสเลิฟเวอร์จะฟิตแอนด์เฟิร์มอยู่เสมอ ซึ่งในปี 2023 เทรนด์ฟิตเนสที่มาแรงท่ามกลางสถานการณ์โควิดที่กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปแล้ว คือสิ่งที่คนรักสุขภาพไม่ควรพลาด

วิทยาลัยเวชศาสตร์การกีฬาอเมริกัน (American College of Sports Medicine – ACSM) ซึ่งเป็นองค์กรเวชศาสตร์การกีฬาและวิทยาศาสตร์การออกกำลังกายที่มีสมาชิกผู้ชำนาญด้านเวชศาสตร์การกีฬาและฟิตเนสกว่า 50,000 คน จาก 90 ประเทศทั่วโลกได้ทำการสำรวจเทรนด์ของชาวฟิตเนสมาตั้งแต่ปี 2006 จนถึงปัจจุบัน และพบว่าในแต่ละช่วงของโควิด ความนิยมของสาวกฟิตเนสมีความแตกต่างกัน


ก่อนโควิด

ช่วงก่อนหน้าโควิด-19 ในปี 2018 การออกกำลังกายอย่างหนักในช่วงเวลาสั้น ๆ สลับกับการออกกำลังกายเบา ๆ ประมาณ 10 – 30 นาที หรือ High – Intensity Interval Training (HIIT) ได้รับความนิยมมากที่สุด รองลงมาคือการออกกำลังกายแบบกลุ่ม (Group Training) และการใช้เทคโนโลยีเพื่อติดตามความเคลื่อนไหวของร่างกายด้วยเซ็นเซอร์  (Wearable Technology) โดยเน้นการออกกำลังกายแบบที่ใช้น้ำหนักของร่างกายมาต้านการเคลื่อนไหว (Body Weight Training) และการฝึกสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ (Strength Training) 


โควิดระบาดหนัก

ในช่วงต้นปี 2019 ก่อนการระบาดใหญ่ของโควิด-19 ความนิยมของอุปกรณ์ติดตัวเริ่มมีมากยิ่งขึ้น การออกกำลังกายแบบกลุ่ม การออกกำลังกายอย่างหนักในช่วงเวลาสั้น ๆ สลับกับการออกกำลังกายเบา ๆ และการออกกำลังกายที่ใช้น้ำหนักของตัวเองยังคงได้รับความนิยม จนมาถึงช่วงที่โควิด-19 ระบาดอย่างหนักในปี 2020 เทรนด์ที่น่าสนใจและฮิตเป็นอันดับที่ 1 คือ ออนไลน์เทรนนิ่ง การออกกำลังกายกับเทรนเนอร์ผ่านช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ 


อยู่ร่วมกับโควิด

หลังโควิด-19 เริ่มสงบลงและกลายเป็นโรคที่ทุกคนต้องอยู่ร่วมให้ได้ด้วยความเข้าใจ ออนไลน์เทรนนิ่งก็ถูกลดความนิยมลงไป รวมถึงการออกกำลังกายแบบกลุ่มก็ได้รับความนิยมน้อยลง ส่วนเทรนด์การออกกำลังกายอย่างหนักในระยะเวลาอันสั้นสลับกับการออกกำลังกายเบา ๆ ยังคงเป็นที่นิยมอย่างต่อเนื่อง


10 เทรนด์ฟิตเนส 2023 ที่คนรักสุขภาพต้องรู้

เทรนด์ฟิตเนส 2023 เอาใจคนรักสุขภาพ

วิทยาลัยเวชศาสตร์การกีฬาอเมริกัน (American College of Sports Medicine – ACSM) ได้สำรวจเทรนด์ปี 2023 จากผู้ตอบแบบสำรวจ 125,940 คนจากทั่วทุกมุมโลก รวมถึงสมาชิก ACSM ที่ผ่านการรับรอง 30,000 คน ซึ่งแม้ผลสำรวจอาจแตกต่างกันเล็กน้อยในแต่ละประเทศ แต่สามารถสรุป 10 เทรนด์ฟิตเนสมาแรงจากทั่วโลกในปี 2023 ได้ดังนี้

1) เทคโนโลยีที่สวมใส่ได้ (Wearable Technology) ช่วยเก็บข้อมูล ติดตามความเคลื่อนไหวของร่างกาย อาทิ ฟิตเนสแทกเกอร์ (Fitness Tracker) นาฬิกาสมาร์ทวอทช์ (Smart Watch) เครื่องวัดอัตราการเต้นของหัวใจ และอุปกรณ์เพื่อใช้ติดตามตำแหน่งและการเคลื่อนที่ต่าง ๆ เป็นต้น

2) ฝึกสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ (Strength Training with Free Weights) โดยใช้อุปกรณ์ที่ไม่ได้ติดตั้งกับพื้น เช่น ดัมเบล (Dumbbell) และ บาร์เบล (Barbell) เป็นต้น

3) ออกกำลังกายแบบที่ใช้น้ำหนักของร่างกายมาต้านการเคลื่อนไหว (Body Weight Training) เช่น การทำท่าแพลงก์ (Planking) การวิดพื้น (Push – up) และสควอทจัมป์ (Squat Jump) เป็นต้น

4) โปรแกรมฟิตเนสสำหรับผู้สูงอายุ (Fitness Program for Older Adult) ปัจจุบันโลกเรากำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ โปรแกรมการออกกำลังกายสำหรับผู้สูงอายุจึงสำคัญมาก โดยมีเป้าหมายเพื่อช่วยให้กล้ามเนื้อแข็งแรง ป้องกันการลดลงของมวลกล้ามเนื้อ (Sarcopenia) ป้องกันการล้ม มีอายุยืนยาวและมีคุณภาพชีวิตที่ดี (Healthy Living)

5) ออกกำลังกายเพื่อพัฒนากลุ่มกล้ามเนื้อ (Functional Fitness Training) เป็นการออกกำลังกายโดยออกแบบให้ใช้กลุ่มกล้ามเนื้อหลาย ๆ กลุ่มทำงานไปพร้อมกันเหมือนลักษณะการใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน เพื่อให้กลุ่มกล้ามเนื้อหลาย ๆ กลุ่มสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยส่งเสริมการเคลื่อนไหวในชีวิตประจำวัน เช่น การดึง การแบก การเดิน การวิ่งได้ง่ายและปลอดภัยขึ้น ลดความเสี่ยงในการเกิดอาการบาดเจ็บ

10 เทรนด์ฟิตเนส 2023 ที่คนรักสุขภาพต้องรู้

6) กิจกรรมกลางแจ้ง (Outdoor Activities) การออกกำลังกายกลางแจ้งเป็นกลุ่ม เช่น ขี่จักรยาน เดิน หรือการเดินป่าที่มีผู้ชำนาญด้านสุขภาพและการออกกำลังกายเป็นผู้นำทีม

7) ออกกำลังกายอย่างหนักในช่วงเวลาสั้น สลับกับการออกกำลังกายเบา (High – Intensity Interval Training) ประมาณ 10 – 30 นาที ช่วยเผาผลาญไขมันได้ดี

8) ออกกำลังกายเพื่อลดน้ำหนัก (Exercise for Weight Loss) โปรแกรมการออกกำลังกายที่รวมเข้ากับการจำกัดปริมาณอาหารและการเรียนทำอาหารเพื่อสุขภาพ

9) การจ้างบุคลากรผู้ชำนาญด้านการออกกำลังกายที่ผ่านการฝึกอบรม (Employing Certified Fitness Professionals) เพื่อความมั่นใจในผลลัพธ์หลังการออกกำลังกายตามที่ต้องการ

10) เทรนเนอร์ส่วนตัว (Personal Training) การออกกำลังกายแบบตัวต่อตัวภายใต้การดูแลของเทรนเนอร์ โดยมีการตั้งเป้าหมาย ประเมินสมรรถภาพร่างกาย และโปรแกรมออกกำลังกายที่เหมาะสม

อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะชอบออกกำลังกายแบบไหนต้องระวังเรื่องการบาดเจ็บขณะออกกำลังกาย ระยะเวลาในการออกกำลังกายที่พอดี และรูปแบบการออกกำลังกายที่เหมาะสมตามวัย เพื่อให้สุขภาพแข็งแรงฟิตไปอีกนาน


สอบถามเพิ่มเติมที่
สถาบันเวชศาสตร์การกีฬาและออกกำลังกาย โรงพยาบาลกรุงเทพ
ชั้น 5 อาคาร D โรงพยาบาลกรุงเทพ
เปิดให้บริการ ทุกวัน เวลา 08.00 – 16.00 น.

แชร์