การตรวจภูมิคุ้มกันโควิด
สำคัญแค่ไหนจำเป็นต้องตรวจหรือไม่ ?
“ การตรวจภูมิคุ้มกันโควิด ตรวจภูมิโควิด ตรวจหาภูมิต้านทานโควิด หรือการตรวจปริมาณแอนติบอดีในร่างกาย ตรวจภูมิหลังฉีดวัคซีนโควิด-19… มีความจำเป็นต้องตรวจหรือไม่ ควรตรวจภูมิหลังฉีดวัคซีนตอนไหนถึงจะมีค่าคงที่มากที่สุด เมื่อร่างกายได้รับวัคซีนร่างกายจะไม่ติดโควิดจริงหรือไม่ คำถามที่เกิดขึ้นจากความกังวลใจของผู้ที่รับวัคซีนป้องกันโควิด – 19 ต้องการคำตอบเพื่อความสบายใจ ลดความกังวล และสามารถออกไปใช้ชีวิตปกติได้ ”
สารบัญ
- การตรวจภูมิคุ้มกันโควิด-19 คืออะไร
- ความสำคัญของการตรวจภูมิคุ้มกันโควิด
- การตรวจภูมิคุ้มกันCovid-19 มีกี่แบบ
- การเตรียมตัวก่อน ตรวจหาภูมิคุ้มกันทำอย่างไร
- สิ่งที่เข้าใจผิดสำหรับการตรวจหาภูมิคุ้มกันโควิด
- ค่าบริการตรวจหาภูมิคุ้มกันโควิด ราคาตรวจหาภูมิคุ้มกัน

การตรวจหาภูมิคุ้มกันCovid-19 คืออะไร
ตรวจหาภูมิคุ้มกัน หรือ การตรวจหาแอนติบอดีสำหรับไวรัส Covid-19 คือ การตรวจเลือดหาระดับภูมิคุ้มกันที่ร่างกายของเรามีต่อเชื้อโควิด-19 โดยมักแนะนำให้ตรวจหลังหายดี หรือตามระยะเวลาที่เหมาะสมหลังรับวัคซีน รวมถึง การตรวจซ้ำเมื่อเวลาผ่านไประยะหนึ่ง
ความสำคัญของการตรวจภูมิคุ้มกันโควิด-19
การตรวจภูมิคุ้มกันหลังจากฉีดวัคซีนมีความสำคัญ เนื่องจากทำให้ทราบว่า ร่างกายของเรามีภูมิคุ้มกันเหลือเท่าไหร่ในการรับมือกับโรค และภูมิคุ้มกันลดลงไปมากน้อยเพียงใด หรือการติดเชื้อในแต่ละคนที่มีความรุนแรงของโรคต่างจากหลังหายดีร่างกายจะได้ภูมิคุ้มกันสักเท่าไหร่จากการป่วยครั้งนี้ ถึงแม้จะยังไม่ได้มีตัวเลขมาตรฐานกลางในระดับสากลว่าควรมีภูมิเท่าไหร่ถึงเรียกว่าเพียงพอ หรือควรกระตุ้นซ้ำในปัจจุบันก็ตาม
การตรวจภูมิหลังฉีดวัคซีนโควิด มีกี่แบบ
- การตรวจหา Binding Antibody เป็นการตรวจหา IgG และ IgM การตรวจ Rapid Test เป็นการตรวจแบบรวดเร็ว ใช้เวลาน้อยจะรายงานผลเป็น Positive / Negative โดยมีทั้งแบบแปลผลแถบแยก IgG IgM และแบบแถบรวม ขึ้นอยู่กับชนิดของชุดตรวจนั้นๆ
- การตรวจหา Neutralizing Antibody คือ การตรวจการ “ลบล้าง” ฤทธิ์ของไวรัส โดยจะตรวจแอนติบอดี้ โดยการทดสอบกับไวรัส (PRNT) หรือไวรัสที่จำลองขึ้นมาเป็นให้คล้ายไวรัส (pVNT) วิธีการหลังจากนี้ (NAB) จะรายงานเป็นผลร้อยละของการยับยั้ง (%inhibition) ในจานหลุมที่ใส่ซีรั่ม หรือน้ำเลือดของผู้ตรวจ เปรียบเทียบกับหลุมที่ไม่ได้ใส่ซีรั่ม ซึ่งจะประเมินผลจากการที่ว่า แอนติบอดี้ สามารถลบล้างไม่ให้ไวรัสเข้าสู่เซลล์ที่เพาะเลี้ยงที่ระดับเจือจางสูงสุดเท่าไหร่

การเตรียมตัวก่อนตรวจหาภูมิคุ้มกันทำอย่างไร
- การเตรียมตัวก่อนตรวจหาภูมิคุ้มกัน คือ การเจาะเลือดส่งตรวจโดยไม่ต้องงดน้ำ งดอาหาร รอผลตรวจประมาณ 1-2 ชั่วโมง คำแนะนำ ควรฉีดวัคซีนให้ครบ 2 เข็ม และหากต้องการตรวจ แนะนำมาตรวจที่ 2-4 สัปดาห์ดีกว่า (4 สัปดาห์จะเป็นประโยชน์ที่สุด) หรือ หากเป็นการฉีดกระตุ้นซ้ำจากเดิมที่ภูมิสูงอยู่แล้ว สามารถมาตรวจหลังฉีด / ตรวจเพิ่มเติมที่ 12 สัปดาห์อีกครั้ง
- ปัจจุบัน ยังไม่มีคำแนะนำมาตรฐานว่า ควรตรวจที่กี่สัปดาห์บ้าง แต่หากอ้างอิงงานวิจัย มักจะตรวจที่ 0,2,4,8,12,16,24 สัปดาห์ ซึ่ง ณ 4,12,24 สัปดาห์ หลังเข็มที่ 2 หรือเข็มกระตุ้น น่าจะเป็นตัวเลขที่เหมาะสม ไม่ช้า ไม่เร็ว ไม่ถี่จนเกินไป และเลือกชนิดวิธีการตรวจที่มีให้บริการให้สถานบริการนั้นๆ

สิ่งที่เข้าใจผิดสำหรับการตรวจหาภูมิคุ้มกันโควิด
- ยิ่งตรวจภูมิบ่อยภูมิยิ่งลดเร็ว เป็นความผิดที่ผิด เนื่องจากภูมิคุ้มกันร่างกายจะลดลงเองตามธรรมชาติขึ้นอยู่กับร่างกายช้าเร็วไม่เท่ากัน การตรวจเป็นเพียงการสุ่มตรวจ ณ เวลานั้นๆ ไม่ส่งผลต่อความเร็วในการลดลงของภูมิคุ้มกันแต่อย่างใด
- ควรรีบมาเจาะเลือดตรวจภูมิหลังฉีดวัคซีน ในความเป็นจริง ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนเพราะบางครั้งภูมิอาจจะยังไม่ขึ้น เมื่อร่างกายได้รับวัคซีน ร่างกายจะสร้างภูมิคุ้มกันระยะสั้นขึ้นมาเป็นหลัง (IgM) และสร้างภูมิคุ้มกันระยะยาวขึ้นทีหลัง (IgG) เป็นผลให้ ณ 2 สัปดาห์ ภูมิคุ้มกันจะสูงขึ้นมาก หลังจากนั้นจะลดลงเรื่อยๆ
- ฉีดวัคซีนยี่ห้อเดียวกัน วันเดียวกัน ทำไมภูมิขึ้นไม่เท่ากัน เนื่องจากร่างกายมนุษย์มีความหลากหลาย ทั้งอายุ เพศ ความสามารถในการตอบสนองของภูมิคุ้มกัน โรคประจำตัว พฤติกรรม และอื่นๆ ส่งผลให้ระดับภูมิคุ้มกันที่ได้รับหลังฉีดวัคซีนในแต่ละคนไม่เท่ากัน
- การรับประทานอาหารเสริมที่มีผลต่อภูมิคุ้มกัน เช่น วิตามินซี สังกะสี วิตามินดี จะช่วยเพิ่มระดับ ยืดระยะเวลาของภูมิคุ้มกันออกไปได้ รวมถึงทำให้ค่าที่ตรวจออกมาสูงเกินจริง ปัจจุบัน ยังไม่มีการรายงานว่าอาหารเสริมเป็นปัจจัยตัวกวนต่อการตรวจเลือดหาระดับภูมิคุ้มกัน รวมถึงการเพิ่มปริมาณ/ยืดอายุภูมิคุ้มกันหลังฉีดวัคซีนได้อย่างแน่ชัด
- ยิ่งภูมิคุ้มกันสูง ยิ่งกระตุ้นการเกิดมะเร็งต่อมน้ำเหลือง (Lymphoma) ไม่เป็นความจริง และองค์กร Lymphoma Research Foundation ยังแนะนำให้ฉีดวัคซีนในผู้ป่วย Lymphoma อีกด้วย







