ประเภทอาการปวดศีรษะ
- ปวดศีรษะจากการเกร็งของกล้ามเนื้อ มีลักษณะเหมือนถูกกด บีบ หรือรัดที่ศีรษะทั้งสองข้าง มักมีอาการ เริ่มที่ท้ายทอย ร้าวไปขมับทั้ง 2 ข้าง ต้นคอ บ่า ไหล่อาจจะมีอาการ กดเจ็บที่หนังศีรษะร่วมด้วย มักมีอาการปวดตั้งแต่ 30 นาทีขึ้นไปโดยมักพบในผู้ที่มีอาการเครียด ความเครียด โกรธ หรือเหนื่อย
- ปวดศีรษะจากโรคไมเกรน มักพบขมับด้านใดด้านหนึ่ง อาจปวดร้าวมาที่กระบอกตา อาจมีอาการ คลื่นไส้ อาเจียน อาการอาจแย่ลง เมื่อเจอแสงจ้าหรือกลิ่นฉุน สู้แสง หรือเสียงไม่ได้ร่วมด้วย บางรายอาจมีอาการนำก่อน เห็นเป็นแสง วูบวาบ หรือมองเห็นภาพไม่ชัด มักปวดนานเป็นชั่วโมงหรือเป็นวัน
- ปวดศีรษะแบบคลัสเตอร์ เป็นโรคที่พบได้น้อยมักพบในผู้ชายอายุ 20-40 ปี มักปวดศีรษะ ซีกเดียวหรือหน้าครึ่งซีก โดยเฉพาะกระบอกตาลึกๆ และบริเวณใกล้เคียง มีตาแดง น้ำตาไหลและคัดจมูกในด้านเดียวกัน อาการอาจกำเริบ หลังจากดื่มแอลกอฮอล์ การเดินทาง การขึ้นที่สูง
- ปวดศีรษะจากโรคไซนัสอักเสบ เป็นการปวดศีรษะเนื่องจากโพรงจมูกติดเชื้อ มีอาการปวดแบบหน่วงๆ บริเวณหน้าผาก หัวตา โหนกแก้ม 2 ข้าง หรือบริเวณดั้งจมูก และรอบกระบอกตา เนื่องจากโพรงจมูกติดเชื้อและน้ำมูกไหลออกมา ไม่ได้ บางรายมีอาการปวดเมื่อก้มศีรษะหรือเปลี่ยนท่า
- ปวดศีรษะจากความผิดปกติของสมอง อาการปวดศีรษะจากโรคในกลุ่มนี้จะมีลักษณะที่มีอาการปวดมากขึ้น เรื่อยๆ ไปจนถึงปวดรุนแรงมากๆ ตามลำดับ จากสิ่งที่ผิดปกติมี ขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ความดันในช่องศีรษะที่เพิ่มขึ้น อาการปวด จะอยู่ลึกๆ ในศีรษะและมีอาการทางระบบประสาทร่วม เช่น การมี อาการแขนขาอ่อนแรงหรือชาครึ่งซีก พูดไม่ชัด กลืนลำบาก หรือ การได้ยินลดลงอาเจียนพุ่ง ซึม ซัก หมดสติได้
- ปวดศีรษะจากการอักเสบของกราม เป็นการปวดศีรษะเนื่องจากมีการอักเสบของกราม ผู้ป่วยอาจปวด ข้างเดียวหรือปวดทั้ง 2 ข้าง บางครั้งอาจแสดงอาการเมื่อเคี้ยวอาหาร สัมพันธ์กับการเคี้ยวอาหารและกัดฟันเวลานอน หรืออาจมีเสียงดังคลิก (Clicking) เวลาอ้าปากหรือขยับขากรรไกร ลามไปถึงบริเวณหู
การตรวจรักษา
แพทย์จะทำการซักประวัติโดยละเอียด ทำการตรวจร่างกายทั่วไปและทางระบบประสาท และพิจารณาส่งตรวจเพิ่มเติมตามที่ เห็นสมควรเพื่อให้ข้อมูลสนับสนุนการวินิจฉัยโรค การตรวจเพิ่มเติมมีทั้งการตรวจเลือด การตรวจเอ็กซเรย์ ซึ่งมีทั้งเอ็กซเรย์ กะโหลกศีรษะแบบธรรมดาเพื่อดูโพรงไซนัส และลักษณะกระดูกหรือการเอกซเรย์คอมพิวเตอร์สมอง (CT SCAN) รวมทั้งการ พิจารณาส่งตรวจด้วยสนามแม่เหล็ก (MRI) ซึ่งจะให้ความละเอียดมากขึ้น อีกทั้งการพิจารณาฉีดสีในบางรายในกรณีที่ แพทย์เห็นสมควร นอกจากการตรวจเอ็กซเรย์ การตรวจอื่นที่จำเป็นเช่น การเจาะตรวจน้ำไขสันหลัง ในรายที่สงสัยมีการ ติดเชื้อเยื้อหุ้มสมองหรือสงสัยว่ามีเลือดออกในช่องน้ำไขสันหลัง และการส่งทำคลื่นสมอง (EEG) ตามความเหมาะสม ตามความผิดปกติดังนั้นผู้ป่วยที่มีอาการปวดศีรษะจึงควรพบปรึกษาแพทย์ทางระบบประสาท เพื่อให้ได้รับคำแนะนำและการตรวจรักษาที่เหมาะสม
หากคุณมีอาการปวดศีรษะบ่อยๆ หรืออาการปวดที่ไม่ควรมองข้าม อย่านิ่งนอนใจ ควรรีบปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญศูนย์หลอดเลือดสมองและระบบประสาททันที
เพราะอาการปวดหัวดังกล่าว อาจเป็นสัญญาณเตือนจากโรคร้าย!
