นิ่วในถุงน้ำดี (Gallstone หรือ Cholelithiasis) คือ ภาวะที่เกิดจากความไม่สมดุลของสารประกอบในน้ำดี ทำให้เกิดการตกผลึกเป็นก้อนนิ่ว ก้อนนิ่วอาจมีขนาดเล็กเท่าเม็ดทรายจนถึงขนาดใหญ่เท่าลูกกอล์ฟ โดยโรคนี้พบมากในผู้ที่มีอายุมากกว่า 40 ปี และพบในเพศหญิงมากกว่าเพศชายประมาณ 2-3 เท่า
ชนิดของนิ่วในถุงน้ำดี
- นิ่วชนิดคอเลสเตอรอล (Cholesterol Gallstones): พบได้ประมาณ 14% ในคนไทย โดยมีคอเลสเตอรอลเป็นส่วนประกอบหลัก ก้อนนิ่วมีลักษณะเป็นก้อนแข็ง สีขาว เหลือง หรือเขียว
- นิ่วชนิดเม็ดสี (Pigment Gallstones): พบได้บ่อยที่สุดในคนไทย (ประมาณ 80%) มีสีคล้ำ เช่น สีน้ำตาลหรือดำ เกิดจากการสะสมของบิลิรูบินและแคลเซียม
- นิ่วชนิดผสม (Mixed Gallstones): ประกอบด้วยสารผสมระหว่างคอเลสเตอรอล บิลิรูบิน และเกลือแคลเซียม
อาการและอาการแสดง
- ผู้ป่วยที่ไม่มีอาการ (Asymptomatic Gallstones): มักตรวจพบโดยบังเอิญในการตรวจสุขภาพประจำปี
- ผู้ป่วยที่มีอาการ (Symptomatic Gallstones): อาการหลักคือ ปวดท้องบริเวณใต้ชายโครงขวาหรือลิ้นปี่ ปวดร้าวไปที่สะบักขวา ร่วมกับอาการคลื่นไส้ อาเจียน
- ภาวะแทรกซ้อน (Complicated Gallstones):
- ถุงน้ำดีอักเสบเฉียบพลัน (Acute Cholecystitis)นิ่วอาจอุดตันท่อน้ำดี ส่งผลให้ถุงน้ำดีเกิดการอักเสบและติดเชื้อ ผู้ป่วยจะมีอาการปวดท้องรุนแรง ไข้สูง หนาวสั่น และอาจต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน
- ท่อน้ำดีอุดตัน (Choledocholithiasis)เมื่อนิ่วหลุดเข้าไปอุดตันในท่อน้ำดี อาจทำให้เกิดอาการตัวเหลือง ตาเหลือง คันตามผิวหนัง และเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อในระบบทางเดินน้ำดี
- ตับอ่อนอักเสบ (Pancreatitis)นิ่วที่อุดตันท่อร่วมของตับอ่อนและท่อน้ำดี อาจทำให้เอนไซม์ย่อยอาหารสะสมและเกิดการอักเสบของตับอ่อน ซึ่งเป็นภาวะที่ร้ายแรงและต้องได้รับการรักษาในโรงพยาบาล
สาเหตุและปัจจัยเสี่ยง
- ปัจจัยเสี่ยงหลัก: เพศหญิง, อายุ > 40 ปี, ภาวะอ้วน, โรคเบาหวาน, การลดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว, พันธุกรรม, การใช้ยาคุมกำเนิด, โรคตับแข็ง
การวินิจฉัย
- อัลตราซาวด์ (Ultrasound): เป็นวิธีที่ใช้บ่อยที่สุดในการวินิจฉัยนิ่วในถุงน้ำดี
- การตรวจเลือด: เพื่อตรวจหาการอักเสบ การอุดตันของท่อน้ำดี หรือภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ
- การตรวจเพิ่มเติม: เช่น MRCP, CT Scan หรือ ERCP ในกรณีที่มีภาวะแทรกซ้อน
การรักษา
- ผู้ป่วยที่ไม่มีอาการ: ติดตามอาการโดยไม่ต้องรักษา เว้นแต่มีข้อบ่งชี้สำหรับการผ่าตัด เช่น นิ่วขนาดใหญ่กว่า 2.5 ซม. , ติ่งเนื้อในถุงน้ำดี > 1 cm. (gall bladder polyp) และหินปูนเกาะที่ผนังถุงน้ำดีเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งในถุงน้ำดี, ตรวจพบนิ่วในถุงน้ำดีในผู้ป่วยเด็ก, ผู้ป่วยที่มีภาวะภูมิต้านทานบกพร่อง, ผู้ป่วยที่ไม่สามารถเข้าถึงการบริการทางการแพทย์ได้อย่างรวดเร็ว เป็นต้น
- การผ่าตัด:
- การผ่าตัดถุงน้ำดีด้วยกล้อง (Laparoscopic Cholecystectomy): เป็นมาตรฐานการรักษาในปัจจุบัน มีข้อดีคือ เจ็บน้อย ฟื้นตัวเร็ว และลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ
- การผ่าตัดแบบเปิด (Open Cholecystectomy): ในกรณีที่มีภาวะแทรกซ้อนหรือไม่สามารถผ่าตัดด้วยกล้องได้สำเร็จ
การป้องกัน
- รักษาน้ำหนักตัวให้เหมาะสม
- รับประทานอาหารที่มีไขมันต่ำและไฟเบอร์สูง
- หลีกเลี่ยงการลดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
เมื่อไหร่ควรพบแพทย์
- อาการปวดท้องรุนแรง หรือปวดท้องเรื้อรังที่สงสัยว่าอาจเกิดจากนิ่วในถุงน้ำดี
- อาการตัวเหลือง ตาเหลือง ไข้สูง หรืออาเจียนไม่หยุด
การรักษานิ่วในถุงน้ำดีควรได้รับการดูแลจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม หากมีอาการที่สงสัยควรปรึกษาแพทย์ทันทีเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนรุนแรง
หมายเหตุ: บทความนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น ควรปรึกษาแพทย์เพื่อวินิจฉัยและรับการรักษาที่เหมาะสมสำหรับแต่ละบุคคล
เอกสารอ้างอิง:
Garcia, G. E., & Lo, C. H. (2017). Laparoscopic Cholecystectomy: A review of the technique and its complications. Journal of Gastrointestinal Surgery, 21(4), 720-729.
Stinton, L. M., & Harris, L. A. (2017). Epidemiology of gallbladder disease: Cholelithiasis and cancer. Gut and Liver, 11(3), 155-165.
Cohen, M. E., & Pommier, R. F. (2019). Management of choledocholithiasis and gallstone disease. American Journal of Surgery, 218(2), 335-341.
ศูนย์ศัลยกรรม (ชั้น 1) โรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต
เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่ 08.00 – 17.00 น.
ติดต่อสอบถาม
โทร: 076 254 425 ต่อ 1695, 076 361 000 ต่อ 1695
💬 Inbox m.me/phukethospital
💬 Line Official Account @phukethospital
📧 [email protected]









