เป็นโรคที่เกิดจากระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานผิดปกติ โดยร่างกายจะตอบสนองต่อสิ่งแปลกปลอมที่ไม่เป็นอันตราย เช่น

ทำให้เกิดอาการต่าง ๆ เช่น คัดจมูก จาม น้ำมูกไหล คันจมูก คันตา น้ำตาไหล ผื่นคัน เป็นต้น
แนวทางการรักษาโรคภูมิแพ้
การรักษาโรคภูมิแพ้ขึ้นอยู่กับชนิดและความรุนแรงของโรค ดังนี้
- หลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการรักษาโรคภูมิแพ้ โดยผู้ป่วยควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้ที่ทราบ ตัวอย่างเช่น หากเป็นภูมิแพ้ฝุ่นละออง ควรปิดหน้าต่างให้มิดชิด หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่ที่มีฝุ่นละอองมาก หากเป็นภูมิแพ้ไรฝุ่น ควรทำความสะอาดบ้านอย่างสม่ำเสมอ โดยใช้เครื่องดูดฝุ่นที่มีแผ่นกรอง HEPA หากเป็นภูมิแพ้อาหาร ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่แพ้
- ใช้ยา ยาที่ใช้รักษาโรคภูมิแพ้มีหลายชนิด ขึ้นอยู่กับชนิดและความรุนแรงของโรค เช่น
- ยาแก้แพ้ (Antihistamine) ช่วยลดอาการคัน จาม น้ำมูกไหล
- ยาพ่นจมูกสเตียรอยด์ (Nasal corticosteroid) ช่วยลดอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล
- ยาพ่นจมูกต้านฮิสตามีน (Antihistamine nasal spray) ช่วยลดอาการคัน จาม น้ำมูกไหล
- ยาหยอดตาต้านฮิสตามีน (Antihistamine eye drops) ช่วยลดอาการคัน น้ำตาไหล
- ยาทานต้านฮิสตามีนรุ่นที่ 2 (Second-generation antihistamine) ช่วยลดอาการคัน จาม น้ำมูกไหล ไม่ทำให้ง่วง
- ยาทานสเตียรอยด์ (Corticosteroid) ช่วยลดอาการอักเสบและบวม ใช้ในผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง
- ฉีดวัคซีนภูมิแพ้ เป็นการฉีดสารก่อภูมิแพ้ในปริมาณที่เพิ่มขึ้นทีละน้อย เพื่อให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันต่อสารก่อภูมิแพ้นั้น ๆ เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง และใช้ยารักษาไม่ได้ผล
การดูแลตนเองเมื่อเป็นโรคภูมิแพ้
นอกจากการรักษาตามคำแนะนำของแพทย์แล้ว ผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ควรดูแลตนเองดังนี้
- พักผ่อนให้เพียงพอ
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด อาหารหวานจัด
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ
- ล้างมือให้สะอาดบ่อย ๆ โดยเฉพาะก่อนรับประทานอาหารและหลังเข้าห้องน้ำ
หากมีอาการของโรคภูมิแพ้รุนแรง เช่น หายใจลำบาก แน่นหน้าอก คอบวม ตาบวม ปากบวม ควรรีบไปพบแพทย์ทันที








