
ผู้ป่วยเบาหวานจะได้รับผลกระทบจากภาวะน้ำตาลในเลือดสูงโดยตรง ซึ่งอาการเบาหวานระยะแรกที่สามารถสังเกตได้มีดังต่อไปนี้

ผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานจะมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงผิดปกติ ส่งผลให้ผนังหลอดเลือดฝอยเสื่อมทั่วร่างกาย รวมทั้งหลอดเลือดที่จอตาด้วย เลือดและสารต่าง ๆ จะรั่วซึมออกจากหลอดเลือดที่ผิดปกติเหล่านี้ และทำให้เกิดภาวะเบาหวานขึ้นจอตา (diabetic retinopathy, DR)

เมื่อเกิดภาวะขาดอินซูลินหรือตับอ่อนไม่สามารถผลิตอินซูลินได้จะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น หากปล่อยให้น้ำตาลในเลือดสูงเป็นเวลานานจะส่งผลให้เกิดภาวะแทรกซ้อนต่ออวัยวะต่าง ๆ

ปัญหาสุขภาพอันดับต้น ๆ ของคนไทยหนีไม่พ้นโรคเบาหวาน ซึ่งมีสาเหตุได้จากหลายปัจจัย ดังนั้นการดูแลตัวเอง รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอจึงเป็นการป้องกันโรคที่สำคัญ

คนปกติก่อนรับประทานอาหารเช้าจะมีระดับน้ำตาลในเลือด 70-99 มก./ดล. และหลังรับประทานอาหารแล้ว 2 ชั่วโมง ระดับน้ำตาลจะไม่เกิน 140 มก./ดล. การวินิจฉัยโรคเบาหวานอาศัยการตรวจระดับน้ำตาลในเลือด ตามเกณฑ์ ดังนี้

อาการที่พบบ่อยในผู้เป็นเบาหวานมีเป็นอาการจากภาวะน้ำตาลในเลือดสูงโดยตรง และอาการเนื่องจากโรคแทรกซ้อน ได้แก่

อายุไม่เกิน 40 ปี แต่อ้วน หรือมีดัชนีมวลกายตั้งแต่ 25 กก/ม2 (23 กก/ม2 ในคนเอเชีย)ร่วมกับมีปัจจัยเสี่ยงของการเป็นเบาหวานดังต่อไปนี้ อย่างน้อย 1 ข้อ

โรคเบาหวานสามารถถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์ได้ก็จริง แต่ผู้ที่มีญาติสายตรง เป็นเบาหวานไม่จำเป็นต้องเป็นโรคเบาหวานทุกคนจะมีโอกาสเป็นสูงถ้ามีปัจจัยเสี่ยง ดังต่อไปนี้

โรคเบาหวานชนิดที่ 1 พบในเด็กหรือผู้ที่มีอายุน้อยส่วนใหญ่น้อยกว่า 30 ปี มักผอม ตับอ่อนไม่สามารถสร้างอินซูลินได้ ต้องรักษาด้วยการฉีดอินซูลิน ถ้าขาดอินซูลินจะเกิดภาวะหมดสติจากน้ำตาลสูงและกรดคีโตนคั่งในเลือด

ปัจจุบันมีหลายการศึกษาที่แสดงให้เห็นว่าในผู้ที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเป็นเบาหวานเมื่อให้โภชนบำบัดและการออกกำลังกายที่เหมาะสม สามารถลดอุบัติการณ์ของการเกิดโรคเบาหวานได้ การศึกษาที่สำคัญในประเทศสหรัฐอเมริกา เปรียบเทียบระหว่างการใช้ยาเมทฟอร์มินและการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเรื่องอาหารและการออกกำลังกาย (โดยการลดน้ำหนักตัวลง 7% ร่วมกับการออกกำลังกายนาน 150 นาทีต่อสัปดาห์) เมื่อติดตามผู้เป็นเบาหวานประมาณ 3 ปี พบว่าอุบัติการณ์การเกิดเบาหวานลดลงในกลุ่มที่ได้ยาร้อยละ 31 และกลุ่มที่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมร้อยละ 58 ซึ่งมากกว่ากลุ่มที่ได้ยา ดังนั้นจึงควรรณรงค์ให้มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในผู้ที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดโรคเบาหวาน รวมทั้งคัดกรองหาผู้เป็นเบาหวานดังได้กล่าวแล้วข้างต้น เพื่อการรักษาที่เหมาะสมตั้งแต่ระยะแรกๆ

เนื่องจากเบาหวานเป็นโรคเรื้อรังที่ไม่หายขาด การรักษาเบาหวานให้ได้ผลดี จึงจำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากผู้เป็นเบาหวานและญาติหรือผู้ใกล้ชิดในการปฏิบัติตนตามคำแนะนำแพทย์อย่างสม่ำเสมอ การรักษาประกอบด้วยหลักสำคัญ 3 อย่างคือ โภชนบำบัด การรักษาด้วยยา ได้แก่ ยาเม็ดลดระดับน้ำตาล และยาฉีดอินซูลินยาที่ใช้รักษาเบาหวานนั้นมีหลายชนิด แพทย์ผู้รักษาจะพิจารณาตามความเหมาะสมในผู้ป่วยแต่ละคน ตรวจติดตามแพทย์นัดอย่างสม่ำเสมอ

โรคแทรกซ้อนฉับพลัน อาการผิดปกติจะเกิดรวดเร็ว รุนแรง ต้องรักษาอย่างรีบด่วน