ใจสั่นบ่อยๆ เสี่ยง “ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ” หรือเปล่า?

3 นาทีในการอ่าน
ใจสั่นบ่อยๆ เสี่ยง “ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ” หรือเปล่า?
โรงพยาบาลกรุงเทพหัวหิน

          หัวใจเป็นอวัยวะที่สำคัญของร่างกาย เปรียบเสมือนเครื่องยนต์หลักของชีวิต เมื่อหัวใจเต้น เราจึงสามารถมีชีวิตอยู่ได้ จังหวะการเต้นของหัวใจที่ปกติและสม่ำเสมอ จะทำให้หัวใจสามารถสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงทุกส่วนของร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่หากวันหนึ่งจังหวะการเต้นหัวใจผิดปกติ เราจะยังปลอดภัยอยู่หรือไม่?

          พญ. นิธินันท์ ฉิมพาลี อายุรแพทย์โรคหัวใจและสรีระไฟฟ้าหัวใจ โรงพยาบาลกรุงเทพหัวหิน กล่าวว่า ก่อนที่เราจะมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับ “ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ” เราควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับการทำงานของหัวใจก่อน โดยโครงสร้างของหัวใจ ประกอบด้วยห้องทั้งหมด 4 ห้อง ได้แก่ ห้องบนซ้าย ห้องบนขวา ห้องล่างซ้ายและห้องล่างขวา ซึ่งระบบการนำไฟฟ้าภายในหัวใจ จะประกอบเซลล์ของหัวใจซึ่งทำหน้าที่เป็นสายไฟ นำกระแสไฟฟ้าจากจุดกำหนดไฟฟ้าในหัวใจบริเวณห้องบนขวา (Sinoatrial Node) ไปยังห้องบนซ้าย จากนั้นหัวใจห้องบนทั้งสองห้องจึงบีบตัวนำเลือดจากหัวใจห้องบนลงสู่ห้องล่าง ระหว่างนั้นกระแสไฟฟ้าของหัวใจจะถูกนำผ่านสายไฟที่เชื่อมระหว่างหัวใจห้องบนไปยังหัวใจห้องล่าง แล้วจึงทำให้เกิดการบีบตัวของหัวใจห้องล่างทั้งสองห้องตามมา เพื่อนำเลือดไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆ ของร่างกายต่อไป ดังนั้นเมื่อหัวใจเต้นผิดจังหวะ เลือดที่ไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆ ของร่างกายจะไม่เพียงพอ ทำให้การทำงานของร่างกายผิดปกติ”

            สาเหตุและปัจจัยเสี่ยงของ ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ อาจเกิดได้จากโรคความดันโลหิตสูง โรคไทรอยด์ โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคทางพันธุกรรม การดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ พักผ่อนไม่เพียงพอ หรือความเครียด และเมื่อผู้ป่วยมีภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ มักจะมีอาการใจสั่น แน่นหน้าอก หอบเหนื่อย วูบหมดสติ หรืออาจมีภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน หากมีภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะแบบรุนแรง

            แม้ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะบางชนิดจะไม่ก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรง แต่หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ได้รับการดูแล อาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพที่รุนแรงได้ เช่น ภาวะหัวใจล้มเหลว (Heart Failure) ภาวะหลอดเลือดสมองตีบหรืออุดตัน (Stroke) หรือหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน (Sudden Cardiac Arrest)

           อย่างไรก็ตามผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ บางรายอาจไม่แสดงอาการเลย ดังนั้นการตรวจสุขภาพหัวใจอย่างสม่ำเสมอ จึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก การตรวจหาสาเหตุภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ  เบื้องต้นแพทย์จะทำการซักประวัติ ตรวจร่างกาย และตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (Electrocardiogram; EKG) ทั้งนี้คลื่นไฟฟ้าหัวใจสามารถทำได้ทันทีและอ่านผลได้ทันทีเช่นกัน ซึ่งผู้ป่วยที่มีการเต้นของหัวใจที่ผิดปกติ จะเห็นได้ว่ากราฟไม่สม่ำเสมอ และมีลักษณะคลื่นไฟฟ้าหัวใจที่แตกต่างจากเดิม

            โดยเมื่อแพทย์ตรวจวินิจฉัยว่าผู้ป่วยมีภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะแล้ว จะมีการเจาะเลือด และตรวจเฉพาะทางหัวใจเพิ่มเติม เช่น การทำอัลตราซาวด์หัวใจ (Echocardiogram) การติดคลื่นไฟฟ้าหัวใจแบบต่อเนื่อง (Holter Monitoring) และการตรวจภาพหลอดเลือด (CTA Coronary) เป็นต้น เพื่อนำไปวางแผนการรักษาอย่างละเอียดสำหรับผู้ป่วยแต่ละราย

            การรักษาภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ ประกอบด้วย การตรวจติดตามอย่างใกล้ชิด ร่วมกับการให้ยาควบคุมจังหวะการเต้นของหัวใจ การใส่เครื่องกระตุ้นหัวใจ (Pacemaker) และการจี้ไฟฟ้าหัวใจ (Cardiac Ablation) ทั้งนี้การพิจารณาวิธีการรักษาจะเป็นการวางแผนของทีมแพทย์ ร่วมกับตัวผู้ป่วยเองและครอบครัว เพื่อให้การรักษามีประสิทธิภาพสูงสุดและเหมาะสมกับผู้ป่วยอย่างแท้จริง

            “เพราะภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ ในบางรายอาจไม่แสดงอาการอะไรเลย ดังนั้นการตรวจสุขภาพประจำปี โดยเฉพาะการตรวจสุขภาพหัวใจอย่างสม่ำเสมอ จึงเป็นสิ่งสำคัญมาก เพื่อให้ค้นพบภาวะนี้ได้ตั้งแต่ยังไม่แสดงอาการ สามารถรับการรักษาได้อย่างทันท่วงที” พญ. นิธินันท์ กล่าวทิ้งท้าย

**************************************************************************

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือทำนัดหมายพบแพทย์ กรุณาติดต่อ : 
โทร. 032-616-829 ศูนย์หัวใจ โรงพยาบาลกรุงเทพหัวหิน (8.00 – 17.00 น.)
โทร. 032-616-800 Call Center โรงพยาบาลกรุงเทพหัวหิน

ข่าวสาร & โปรโมชั่น >> Line ID : @bangkokhuahin

ข้อมูลโดย

Doctor Image

พญ. นิธินันท์ ฉิมพาลี

อายุรศาสตร์

อายุรศาสตร์โรคหัวใจ

พญ. นิธินันท์ ฉิมพาลี

อายุรศาสตร์

อายุรศาสตร์โรคหัวใจ
Doctor profileDoctor profile

สอบถามเพิ่มเติมที่