ข้อเท้าพลิกและเสียง’คลิก’ปริศนา

2 นาทีในการอ่าน
ข้อเท้าพลิกและเสียง’คลิก’ปริศนา
โรงพยาบาลกรุงเทพเชียงใหม่

ไม่ว่าใครต่อใครก็มีโอกาสจะก้าวพลาดจนก่อให้เกิดอาการข้อเท้าแพลงได้ทั้งสิ้น และนั่นทำให้อาการบาดเจ็บข้อเท้าแพลงครองสถิติอาการที่พบบ่อยที่สุดในห้องฉุกเฉิน แต่ถ้ามันเกิดขึ้นซ้ำๆ และเรื้อรังจนก่อให้เกิดความรำคาญ เป็นอุปสรรคต่อการออกกำลังกาย และการเดินเหินอย่างคล่องแคล่วในชีวิตประจำวัน—อย่าเพิ่งโทษตัวเองว่าอาจจะซุ่มซ่ามเกินไป แต่เราขอแนะนำให้คุณรู้จักอาการ “ข้อหลวม”!!!

ข้อหลวม เป็นอาการที่แพทย์วินิจฉัยกรณีข้อแพลงแบบเรื้อรัง ได้รับการรักษาทางกายภาพเพิ่มความแข็งแรงกล้ามเนื้อรอบๆ ข้อเท้าแล้วอาการไม่ดีขึ้น แพทย์อาจพิจารณา ผ่าตัดผ่านกล้อง เย็บซ่อมเอ็นข้อเท้าที่ขาด เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยกลับมาเดินเหินได้อย่างปกติโดยเร็วที่สุด

ใครบ้างที่มักมีอาการข้อเท้าแพลง?

เพราะข้อเท้าแพลงมักเกิดจากการบิดข้อเท้าเข้าในขณะที่ปลายเท้าจิกลง เราทุกคนจึงอาจมีโมเมนต์การบาดเจ็บข้อเท้าแพลงได้อย่างเท่าเทียมกันจากหลายสาเหตุ เช่น อุบัติเหตุจากเล่นกีฬา จากการเดินต่างระดับ ตกบันได หรือตกจากที่สูง แต่เชื่อแน่ว่าอาการนี้พบบ่อยที่สุดในกลุ่มนักกีฬา และนักกีฬาที่ละเลยการรักษาที่ถูกต้องก็จะนำไปสู่อาการ “ข้อหลวม” อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

 

ข้อเท้าแพลงต้องเจ็บแค่ไหน?

ปกติเอ็นข้อเท้าที่สำคัญมี 3 เส้น คือ เอ็นด้านหน้า, ด้านนอก และด้านใน ความรุนแรงของการบาดเจ็บขึ้นกับว่ามีการบาดเจ็บของเอ็นกี่เส้น และเอ็นฉีกขาดบางส่วนหรือทั้งหมด

แพทย์แบ่งความรุนแรงได้ 3 ระดับคือ

  1. ถ้าเดินลงน้ำหนักได้ เอ็นปกติ ข้อเท้าบวมเล็กน้อย → อาการน้อย
  2. ถ้าเดินกระเผลก ข้อเท้าบวม เอ็นข้อเท้าขาดบางส่วนหรือยืด → อาการปานกลาง
  3. ถ้าเดินลงน้ำหนักไม่ได้ ข้อหลวม ข้อเท้าบวมมาก เอ็นข้อเท้าขาด → อาการมาก

RICE การรักษาเบื้องต้นด้วยตนเอง

  • R = Rest พักการใช้ข้อเท้า
  • I = Ice ประคบน้ำแข็ง ห้ามทายาร้อนหรือยาหม่อง
  • C = Compression พันผ้ายืดพยุงข้อเท้า
  • E = Elevation ยกข้อเท้าสูง

เสียงคลิก!

หากคุณได้ยินเสียง “คลิก!” ขณะบาดเจ็บ รู้สึกข้อเท้าหลวม บวมมาก ปวดรุนแรง หรือเดินลงน้ำหนักไม่ได้ และรักษาด้วย RICE แล้วยังไม่ดีขึ้น แนะนำให้มาพบ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อประเมินความรุนแรงโดยละเอียด ได้แก่ การตรวจภาพถ่ายรังสี และตรวจกดเจ็บที่บริเวณตาตุ่มด้านใน-ด้านนอก

การรักษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

  1. ดำเนินการตามหลัก RICE อย่างเคร่งครัด
  2. ให้ยาแก้อักเสบชนิดไม่ใช่สเตียรอยด์ ยาแก้ปวด และยาลดบวม รับประทานและทาภายนอก
  3. พันผ้ายืดล็อคข้อเท้า หรือใส่เฝือกอ่อน จนอาการปวดดีขึ้น (7–10 วัน) จากนั้นเริ่มบริหารข้อเท้าและเสริมสร้างกล้ามเนื้อ
  4. กรณีเรื้อรัง อาการไม่ดีขึ้น ข้อหลวมมาก จนไม่สามารถใส่ส้นสูงหรือออกกำลังกายได้ พิจารณา ผ่าตัดผ่านกล้องเย็บซ่อมเอ็น

หากมีอาการข้อเท้าแพลง ควรดูแลตัวเองด้วย RICE ก่อน แต่หากอาการรุนแรงขึ้น เจ็บปวดมาก หรือลุกลามเรื้อรัง ควรพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทันที เพื่อรับการรักษาที่ถูกต้องและกลับสู่ชีวิตประจำวันได้อย่างมั่นใจ

ด้วยความปรารถนาดีจาก

นพ. โชคสุพรรณ ดีวิจิตร
ศัลยแพทย์ออร์โธปิดิกส์
ศูนย์แห่งความเป็นเลิศกระดูกและข้อ | โรงพยาบาลกรุงเทพเชียงใหม่

ข้อมูลโดย

Doctor Image

นพ. โชคสุพรรณ ดีวิจิตร

ศัลยศาสตร์ออร์โธปิดิกส์

ศัลยศาสตร์ตกแต่งข้อ

นพ. โชคสุพรรณ ดีวิจิตร

ศัลยศาสตร์ออร์โธปิดิกส์

ศัลยศาสตร์ตกแต่งข้อ
Doctor profileDoctor profile

สอบถามเพิ่มเติมที่

ศูนย์กระดูกและข้อ

เปิดให้บริการวันจันทร์ – วันอาทิตย์ เวลา 07.00 – 20.00 น.