Echocardiogram คืออะไร
ใช้หลักการส่งคลื่นเสียงที่ปลอดภัยเข้าไปในทรวงอกแล้วรับเสียงที่สะท้อนออกมาไปแปลเป็นภาพให้เห็นบนจอ ซึ่งจะแสดงถึงรูปร่าง ขนาด การทำงานของกล้ามเนื้อหัวใจ และลิ้นหัวใจว่าปกติหรือไม่ โดยใช้หัวตรวจ (Transducer) ซึ่งดูคล้ายไมโครโฟน ส่งสัญญาณเสียงไปยังหัวใจของคุณ และรับสัญญาณเสียงที่สะท้อนกลับมาแปลงเป็น ภาพให้เห็นบนจอ
การตรวจวิธีนี้เป็นการตรวจเพื่อดูขนาดของห้องหัวใจตามแรงการบีบตัวของกล้ามเนื้อ หัวใจผ่านผนังหน้าอก การทำงานของลิ้นหัวใจภาวะน้ำในเยื่อหุ้มหัวใจ ช่องหัวใจโต และตรวจหาภาวะหัวใจพิการแต่กำเนิด ซึ่งอาจเป็นสาเหตุของอาการเหนื่อยง่าย หรือแน่นหน้าอก
Echocardiogram บอกอะไรกับเรา
- เพื่อประเมินดูขนาดของห้องหัวใจทั้ง 4 ห้อง ว่ามีภาวะหัวใจโตหรือเปล่ารวมถึงประเมินความหนาของกล้ามเนื้อหัวใจ
- เพื่อประเมินดูการบีบตัวของกล้ามเนื้อหัวใจห้องล่างว่ามีภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรงจากภาวะหลอดเลือดหัวใจตีบตันหรือเปล่า
- ค่าที่เราได้จากการประเมินการบีบตัวของหัวใจ ที่ได้ยินกันอยู่เป็นประจำ คือ EF ย่อมาจาก Ejection Fraction เป็นค่าที่ใช้
- บอกสัดส่วนความสามารถในการบีบตัวของหัวใจ
- เพื่อประเมินดูการทำงานของลิ้นหัวใจว่ามีโรคของลิ้นหัวใจตีบหรือลิ้นหัวใจรั่วหรือเปล่า
- เพื่อประเมินดูว่ามีก้อนเนื้อหรือก้อนลิ่มเลือดในห้องหัวใจหรือลักษณะของลิ้นหัวใจติดเชื้อหรือเปล่า
- เพื่อประเมินดูโรคของเยื่อหุ้มหัวใจ (Pericardium) เช่น เยื่อหุ้มหัวใจอักเสบทั้งแบบเฉียบพลันและแบบเรื้อรัง ภาวะมีน้ำในช่องเยื่อหุ้มหัวใจจนทำให้เกิดการบีบรัดหัวใจ
- ใช้ประเมินดูโรคของหลอดเลือดแดงใหญ่ส่วนต้น (Proximal Ascending Aorta) เช่น โรคหลอดเลือดแดงใหญ่ฉีกขาดแบบเฉียบพลัน (Acute Aortic Dissection)
- เพื่อประเมินโรคที่เกี่ยวข้องกับหัวใจพิการแต่กำเนิด
นอกจากนี้การใช้คุณสมบัติทางฟิสิกส์ที่เรียกว่า Doppler Ultrasound ทำให้เราทราบทิศทางการไหลและความเร็วในการเคลื่อนไหวของเลือด ใช้ประเมินเรื่องการคลายตัวของหัวใจ และประเมินระดับความรุนแรงของการตีบหรือรั่วของลิ้นหัวใจ

ชนิดของ Echocardiogram
เราแบ่งการทำ Echocardiogram ออกเป็น 3 ประเภทคือ
- Transthoracic Echocardiogram (การทำ Echocardiogram ผ่านทางผนังหน้าอก) เป็นชนิดของ Echocardiogram ที่ใช้บ่อยที่สุดในเวชปฏิบัติ เนื่องจากทำได้ง่าย สะดวก และไม่ต้องมีการเตรียมตัวที่ยุ่งยากอะไร มีค่าใช้จ่ายในการทำต่ำที่สุด ภาพที่ได้เกิดจากการเก็บภาพที่ตำแหน่งต่าง ๆ กัน สามารถให้รายละเอียดได้ดี แต่ก็มีข้อจำกัดบางอย่าง เช่นในกรณีที่ผู้ป่วยมีผนังหน้าอกที่หนาหรือมีช่องระหว่างซี่โครงที่แคบหรือผู้ป่วยที่มีผนังหน้าอกผิดรูป อาจให้ภาพที่ได้ไม่ชัดเจนและส่งผลทำให้แปรผลได้ลำบาก นอกจากนี้การแยกความแตกต่างของเนื้อเยื่อที่มีขนาดเล็กกว่า 4 – 5 มิลลิเมตรอาจทำได้ลำบากและอาจจะต้องใช้การตรวจ Transesophageal Echocardiogram เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการตรวจให้มากขึ้น
- Transesophageal Echocardiogram (การทำ Echocardiogram โดยการส่องกล้องผ่านทางหลอดอาหาร) เป็นการตรวจเพื่อบันทึกภาพของหัวใจจากด้านในของทางเดินอาหาร เนื่องจากทางเดินอาหารอยู่ด้านหลังของหัวใจ ทำให้การตรวจวิธีนี้ได้เห็น Movement ของหัวใจได้ชัดกว่าการตรวจด้วย Transthoracic Echocardiogram ปกติซึ่งตรวจที่หน้าอกด้านนอก ระหว่างการตรวจ คลื่นเสียงจะสะท้อนเป็นภาพของหัวใจ ขณะปั๊มเลือดผ่านลิ้นหัวใจซึ่งทำให้แพทย์สามารถวินิจฉัยความผิดปกติได้ว่าเกิดจากความผิดปกติที่ผนังหัวใจหรือลิ้นหัวใจ
- Intracardiac Echocardiogram (การทำ Echocardiogram โดยการใส่สายเข้าไปที่ห้องหัวใจโดยตรง) ถือเป็นวิธีการตรวจซึ่งยังไม่เป็นที่แพร่หลายและยังไม่เป็นที่นิยมใช้ในเวชปฏิบัติ จึงยังไม่ขอกล่าวในที่นี้

ความเสี่ยงและภาวะแทรกซ้อนจากการตรวจ Echocardiogram
การตรวจ Echocardiogram ถือว่าเป็นการตรวจที่มีความปลอดภัยค่อนข้างสูง ยังไม่เคยมีรายงานถึงอันตรายจาการ ใช้คลื่นเสียงที่ระดับ ความถี่ที่ใช้ในการตรวจด้วย Echocardiogram
การตรวจด้วย Transthoracic Echocardiogram เป็นการตรวจที่ถือว่าแทบจะไม่มีความเสี่ยง ผู้ป่วยอาจมีอาการเจ็บหน้าอก บ้างบริเวณที่ต้องใช้ แรงกดจาก Transducer เพื่อทำให้เห็นภาพได้ชัดเจน ผู้ตรวจสามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ได้หากมีอาการ เจ็บบริเวณที่โดนกด
การตรวจด้วย Transesophageal Echocardiogram สามารถพบอาการที่ไม่พึงปรารถนาได้มากกว่าแต่อาจมีภาวะบางชนิดเช่น
- คลื่นไส้ อาเจียน
- รู้สึกรำคาญ หรือมีอาการระคายเคืองบริเวณปากและลำคอ
- อึดอัด หายใจลำบาก
- เลือดออกเล็กน้อยบริเวณช่องปากหรือลำคอ
- ชีพจรเต็นเร็วหรือเต้นช้าผิดปกติ
- ส่วนภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง ซึ่งพบได้น้อยมาก คือ หลอดอาหารเป็นแผลหรือหลอดอาหารทะลุ
ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันความเสี่ยงหรือภาวะแทรกซ้อนที่อาจจะเกิดขึ้นได้ หากท่านมีโรคหรืออาการที่ผิดปกติดังนี้ ควรแจ้งให้แพทย์ทราบทันที ก่อนทำการตรวจ
- มีประวัติเคยได้รับการฉายแสงที่บริเวณลำคอหรือหน้าอก
- โรคของหลอดอาหารต่าง ๆ เช่น โรคหลอดอาหารตีบ โรคหลอดอาหารเป็นแผลรุนแรง โรคหลอดเลือด โป่งพองบริเวณหลอดอาหาร
- โรคที่เกี่ยวเนื่องกับกระดูกสันหลังบริเวณคอ
- โรคที่เกี่ยวข้องกับการกลืนลำบาก
- โรคที่เกี่ยวเนื่องกับภาวะการแข็งตัวของเลือดหรือทานยากันการแข็งตัวของเลือด
Echocardiogram ที่โรงพยาบาลหัวใจกรุงเทพ
ที่โรงพยาบาลหัวใจกรุงเทพ เราให้บริการการตรวจ Echocardiogram ด้วยเครื่องมือที่ทันสมัยทั้ง การตรวจ Echocardiogram ทั้งหมดเฉลี่ย 30 – 50 รายในทุกวัน นอกจากนี้ยังมีการนำเทคโนโลยีใหม่ในการตรวจทาง Echocardiogram เข้ามาประยุกต์ใช้ เช่น การตรวจ Echocardiogram ด้วยภาพสามมิติ (3D – Echocardiogram), Strain Imaging เป็นต้น
