วัคซีนเข็ม4

วัคซีนโควิดชนิดmRNA สำคัญมากในวัยผู้สูงอายุ

วัคซีนเข็ม4 วัคซีนเข็ม5 สำคัญหรือไม่ ?ปัจจุบัน การพัฒนาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนามีความรุนแรงมากขึ้นเมื่อเทียบจากอดีต ไม่ว่าจะเรื่องของการแพร่กระจายได้รวดเร็ว ติดเชื้อง่ายขึ้น ดังนั้น จึงส่งผลให้ยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นมากทุกวัน กลุ่มเสี่ยงที่ควรรับวัคซีน คือ “กลุ่มผู้สูงอายุ” และกลุ่มโรคเรื้อรัง 7 โรค เนื่องจาก เป็นกลุ่มที่มีภูมิต้านทานต่ำ สภาพร่างกายจะได้รับผลกระทบมากกว่าบุคคลทั่วไป วันนี้ โรงพยาบาลกรุงเทพระยอง รวบรวมความรู้ ความสำคัญสำหรับกลุ่มสูงวัยในการเลือกรับวัคซีนโควิด19

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

ความสำคัญของวัคซีนเข็มที่4ที่ผู้สูงอายุควรฉีด
ผู้สูงอายุควรรับวัคซีนโควิดชนิดใด
ความยาก / ข้อวิตกกังวลในผู้สูงอายุที่ทำให้ไม่อยากรับวัคซีน
บทสรุปในการรับวัคซีนชนิด mRNA ในวัยผู้สูงอายุ

วัคซีนเข็ม4 วัคซีนโควิดชนิดmRNA สำคัญมากในวัยผู้สูงอายุ โดย โรงพยาบาลกรุงเทพระยอง

วัคซีนเข็ม4 สำคัญมากแค่ไหนในวัยสูงอายุ

ผู้สูงอายุควรได้รับวัคซีนโควิดเข็มที่4 เป็น mRNAมีงานวิจัยสนับสนุน ว่าการฉีดวัคซีนmRNA เข็มที่4 ให้ประสิทธิผลในการป้องกันการติดเชื้อรุนแรง การเสียชีวิตในผู้สูงอายุได้ลดลงอย่างมีนัยสำคัญมากกว่าการฉีดเพียงแค่เข็มที่3 ซึ่งผู้สูงอายุแม้ไม่มีโรคประจำตัวใดใดก็ยังจัดเป็นกลุ่มเสี่ยงสูงในการติดเชื้อโควิด

เนื่องจากยังไม่มีวัคซีนรุ่นที่สองในยุคการระบาดของเชื้อโอไมคร่อน ประสิทธิผลของวัคซีนต่อเชื้อโอไมคร่อนย่อมลดลงกว่าเชื้อสายพันธุ์ในอดีต ระยะเวลาการป้องกันการติดเชื้อแบบมีอาการก็สั้นลงกว่าเชื้อสายพันธุ์ในอดีต จึงจำเป็นต้องมีการฉีดวัคซีนเข็มที่4 ห่างจากเข็มที่3 ที่4เดือน โดยแนะนำเป็นชนิด mRNA โดยมีผลวิจัยว่า ให้ประสิทธิผลในการป้องกันการติดเชื้อแบบมีอาการได้มากถึง71% ในช่วง2เดือนแรก และลดลงเหลือ 54% ในช่วงวันที่61-143

หมายเหตุ : คำแนะนำระยะห่างการฉีดวัคซีนของผู้รับบริการอ้างอิงจากประกาศกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขฉบับล่าสุด

ผู้สูงอายุควรรับวัคซีนโควิดชนิดใด

ข้อแนะนำให้ฉีดวัคซีนเข็มที่ 4 ควรฉีดชนิด m RNA หลังจากเข็มที่ 3 เป็นระยะตั้งแต่ 4 เดือนขึ้นไป แต่หากเป็นการฉีดเข็มที่ 3 ก็ให้เว้น 3 เดือนขึ้นไป ทั้งหมดเป็นการประเมินจากสถานการณ์โรค และการศึกษาที่มีอยู่ในตอนนี้

“ สิ่งที่เห็นชัดคือเมื่อฉีดวัคซีนโควิดไป ไม่ว่าจะเป็นชนิดใด สูตรใดก็ตาม ภูมิคุ้มกันก็จะตกลงในช่วง 3-4 เดือน “นพ.วิชาญ ระบุว่า เป้าหมายเน้นไปที่การป้องกันการป่วยตายของกลุ่มเสี่ยง ทั้งผู้สูงอายุและผู้ที่มีโรคประจำตัว

ไม่นานมานี้ สธ.เองได้เปิดเผยประสิทธิผลวัคซีนระดับประเทศ พบว่า ผลเบื้องต้นหลังการได้รับวัคซีนในกลุ่มผู้มีความเสี่ยง ของเดือน ม.ค.2565 จะป้องกันการติดเชื้อได้ 56% หลังฉีดเข็ม 3 และเพิ่มขึ้นเป็น 84.7% เมื่อได้รับเข็มที่ 4

ประกอบกับผลวิจัยประสิทธิภาพประสิทธิผลในการรับวัคซีนเข็มกระตุ้น ในปัจจุบันที่วัคซีนชนิดเชื้อตายกระตุ้มภูมิได้น้อยที่สุดและอยู่สั้นที่สุด (อาจสั้นที่สุดไม่ถึง1เดือน) ถัดมาเป็นวัคซีนชนิดไวรัสตัวพา (Viral Vector) ได้แก่ Astrazeneca และ Jansennnnn& J (ฝากดูชื่อ spelling) และวัคซีนที่กระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ดีที่สุดคือวัคซีนชนิด mRNA

ความยาก / ข้อวิตกกังวลในผู้สูงอายุ

ทำให้ไม่อยากรับวัคซีน (วัคซีนผู้สูงอายุCovid)

ได้รับข้อมูลข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับผลข้างเคียงวัคซีน จนทำให้เกิดความกลัว
ผู้ใหญ่มักคิดว่าตนเองไม่มีความเสี่ยง เพราะอยู่แต่บ้านไม่ได้ไปไหน และสามารถดูแลตัวเองได้ จึงไม่มีความจำเป็นต้องรับวัคซีนเข็มกระตุ้น
บางคนเคยติดเชื้อไปแล้ว จึงไม่เห็นความจำเป็นต้องเข้ารับวัคซีนอีก แต่ความเป็นจริงคือการติดเชื้อโอไมคร่อนนั้นร่างกายจะสร้างภูมิได้น้อยมาก และไม่สามารถป้องกันสายพันธุ์ข้างเคียงได้เลย
มีความเข้าใจไม่ถูกต้องว่า ไม่จำเป็นต้องรับเข็มกระตุ้นเนื่องจากฉีดครบ 3 เข็มแล้ว (ปัจจุบันกรมควบคุมโรคอเมริกา (USCDC) ให้ผู้ที่มีอายุ 50ปีขึ้นไป ฉีดรวมทั้งหมด5เข็ม)
มีความเข้าใจคลาดเคลื่อนว่าสายพันธุ์โอไมคร่อน ไม่รุนแรง ไม่อันตราย จึงไม่จำเป็นต้องฉีดวัคซีนกระตุ้น

บทสรุปในการรับวัคซีนชนิด mRNA ในวัยผู้สูงอายุ

เนื่องจากยังไม่มีวัคซีนรุ่นที่2 ออกมา ในขณะที่เชื้อมีการกลายพันธุ์มากขึ้นเรื่อยๆ หลบภูมิคุ้มกันได้ดีขึ้นเรื่อยๆ วัคซีนต่างๆในรุ่นที่1 จึงมีประสิทธิภาพต่อเชื้อลดลงเป็นเรื่องปกติตามธรรมชาติของโรค การฉีดวัคซีนโควิดด้วยเทคโนโลยีในปัจจุบัน ยังมีระยะเวลาในการป้องกันอาการรุนแรง การลดอัตราการเสียชีวิตในช่วงระยะเวลาที่จำกัด จึงจำเป็นต้องมีการฉีดกระตุ้นซ้ำตามคำแนะนำขององค์กรต่างๆระดับโลกรวมถึงวงการสาธารณสุขไทย โดยระยะห่าง ปริมาณวัคซีน จำนวนเข็มที่ควรฉีดอาจแตกต่างกันไปในบุคคลแต่ละช่วงวัยและโรคประจำตัวที่แตกต่างกันไป โดยคำแนะนำทั้งหมดคือ แนะนำให้ฉีดวัคซีน mRNA เป็นเข็มกระตุ้นหากไม่มีข้อห้ามในการฉีดหรือมีประวัติแพ้วัคซีนมาก่อน เนื่องจากเป็นเทคโนโลยีวัคซีนที่ดีที่สุดที่มีในปัจจุบัน