วัคซีนที่นักท่องเที่ยวต้องรู้ก่อนเดินทาง

3 นาทีในการอ่าน
วัคซีนที่นักท่องเที่ยวต้องรู้ก่อนเดินทาง

แชร์

การท่องเที่ยวแต่ละทริปเต็มไปด้วยแพลนมากมาย หนึ่งในแพลนที่หลายคนอาจไม่เคยรู้หรือมองข้ามไปคือการฉีดวัคซีนเพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกันให้ร่างกายไม่ต้องพบกับความเจ็บป่วย อีกทั้งยังช่วยลดความรุนแรงหากต้องเผชิญกับโรคที่ไม่คาดคิด โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคเรื้อรังและผู้สูงอายุควรตรวจร่างกายและฉีดวัคซีนก่อนออกเดินทางเพื่อให้การท่องเที่ยวเป็นไปตามแพลนและได้พักผ่อนอย่างแท้จริง

 

วัคซีนที่จำเป็นสำหรับนักท่องเที่ยว

วัคซีนสำหรับนักท่องเที่ยว

วัคซีนโรคไข้เหลือง
(Yellow Fever Vaccine)

กฎอนามัยระหว่างประเทศ (WHO IHR) แนะนำให้ผู้จะเดินทางไปประเทศในแถบแอฟริกากลางและอเมริกาใต้ต้องรับวัคซีนไข้เหลืองก่อนเดินทางอย่างน้อย 10 วัน เนื่องจากประเทศดังกล่าวเป็นพื้นที่ที่มีการระบาดสูง สำหรับการรับเข็มกระตุ้นนั้นจะทำได้ทุก 10 ปี

วัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่
(Influenza Vaccine)

แนะนำให้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ทุกปี ปีละ 1 ครั้ง เนื่องจากเชื้อไข้หวัดใหญ่มีการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์อยู่ตลอด ในประเทศไทยแนะนำให้ฉีดวัคซีนก่อนช่วงฤดูฝน  สำหรับผู้เดินทางท่องเที่ยว ควรฉีดก่อนเดินทางอย่างน้อย 2 สัปดาห์

วัคซีนป้องกันโรคไข้ไทฟอยด์
(Typhoid Vaccine)

แนะนำให้รับวัคซีนป้องกันโรคไข้ไทฟอยด์เมื่อต้องไปในพื้นที่เสี่ยงภัยและต้องพักอาศัย หรือทำงานอยู่กับชาวพื้นเมือง หรือต้องอาศัยอยู่ในที่ที่มีสุขอนามัยต่ำ อาหาร น้ำดื่มไม่สะอาด พื้นที่ที่เสี่ยงต่อโรคนี้ ได้แก่  อินเดีย แอฟริกา เอเชียใต้ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อเมริกาใต้ ตะวันออกกลาง ยุโรป และอเมริกากลาง วัคซีนชนิดนี้จะรับเพียงเข็มเดียวและควรได้รับก่อนที่จะออกเดินทางประมาณ 1 เดือน และควรได้รับการกระตุ้นซ้ำทุก 3 ปี หากต้องอาศัยอยู่ในพื้นที่เป็นเวลานาน

วัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบเอ
(Hepatitis A Vaccine)

แนะนำฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบเอในประชากรกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ ผู้ป่วยโรคตับเรื้อรัง เนื่องจากมีโอกาสสูงในการเกิดโรครุนแรง ผู้ประกอบอาหาร กลุ่มชายรักชาย ผู้ติดยาเสพติด ผู้ที่จะเดินทางไปประเทศที่มีความเสี่ยงสูงในที่มีสุขอนามัยต่ำ โดยฉีดเพียง 2 เข็มห่างกัน 6 – 12 เดือน

วัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบี
(Hepatitis B Vaccine)

ไวรัสตับอักเสบบีเป็นโรคที่ก่อให้เกิดการติดเชื้อเรื้อรังนำไปสู่โรคตับแข็งและมะเร็งตับได้ แนะนำฉีดวัคซีนประชากรกลุ่มเสี่ยงต่อการติดโรคนี้ ได้แก่ ผู้ติดยาเสพติด รักร่วมเพศ ผู้ป่วยโรคไตที่ทำการฟอกไต ผู้ป่วยที่รับเลือดบ่อย ผู้ที่มีคนในครอบครัวเป็นโรคนี้ โดยฉีดทั้งหมด 3 ครั้ง ครั้งที่ 2 ห่างจากครั้งแรก 1 – 2 เดือน ครั้งที่ 3 ห่างจากครั้งแรก 6 เดือน

วัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า
(Rabies Vaccine)

วัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าเป็นวัคซีนที่พบได้บ่อยถ้าต้องเดินทางไปอยู่ในประเทศที่มีสัตว์เร่ร่อนจำนวนมาก และถ้าต้องอยู่ในประเทศนั้นเป็นเวลาอย่างน้อย 1 เดือน หรือต้องทำกิจกรรมที่เสี่ยงต่อการสัมผัสกับสัตว์นำโรค 

การให้วัคซีนแบ่งให้เป็น 3 ครั้ง ครั้งที่ 2 จะแบ่งให้หลังจากรับเข็มแรก 7 วัน และครั้งที่ 3 จะรับหลังจากเข็มที่ 2 เป็นเวลา 14 – 21 วัน การรับเข็มกระตุ้นหรือเข็มที่ 4 ไม่จำเป็นต่อผู้ที่ต้องเดินทางไปต่างประเทศ นอกเสียจากว่า เคยได้รับวัคซีนโรคพิษสุนัขบ้ามานานกว่า 10 ปีแล้ว

วัคซีนป้องกันโรคไข้กาฬหลังแอ่น
(Meningococcal Vaccine)

ควรรับวัคซีนป้องกันโรคไข้กาฬหลังแอ่น หากต้องอาศัยอยู่กับประชากรของประเทศ ซึ่งมีการระบาดเป็นเวลานาน เช่น แอฟริกาและซาอุดิอาระเบีย เป็นต้น โดยผู้ที่ต้องเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ ประเทศซาอุดิอาระเบียจะต้องรับวัคซีนนี้ก่อนทุกคน เป็นการฉีดครั้งเดียว ก่อนออกเดินทางประมาณ 2 – 3 สัปดาห์

วัคซีนป้องกันอหิวาตกโรค
(Cholera Vaccine)

การให้วัคซีนป้องกันอหิวาตกโรคเป็นวัคซีนที่ผู้ที่ต้องเดินทางส่วนใหญ่ควรได้รับ ส่วนมากโรคนี้จะระบาดในพื้นที่ที่ไม่สะอาดและไม่ถูกสุขลักษณะ มีน้ำที่ไม่สะอาด เช่น เขตแอฟริกา เอเชียใต้ หรือตะวันออกเฉียงใต้ ตะวันออกกลาง อเมริกากลาง และเขตทะเลแถบแคริบเบียน

วัคซีนชนิดนี้จะเป็นวัคซีนชนิดรับประทานแบ่งให้ 2 ครั้ง โดยให้ห่างกันในระยะเวลา 1 – 6 สัปดาห์ เด็กอายุ 2 – 6 ปี ควรได้รับ 3 ครั้ง โดยระยะห่าง 1 – 6 สัปดาห์เช่นกัน ผู้รับวัคซีนต้องมั่นใจว่า ได้รับวัคซีนครบถ้วนก่อนจะออกเดินทางอย่างน้อย 1 สัปดาห์

วัคซีนป้องกันโรคหัด หัดเยอรมัน คางทูม
(Measles, Mumps, Rubella Vaccine)

วัคซีนป้องกันโรคหัด หัดเยอรมัน คางทูมจะได้รับในเด็กทุกคนตั้งแต่เกิด หากยังไม่ได้รับวัคซีนนี้และต้องเดินทางไปยังประเทศที่โรคกำลังแพร่ระบาด ควรจะรับวัคซีนก่อนออกเดินทาง โดยวัคซีนจะแบ่งเป็น 2 เข็ม โดยทั่วไปจะได้รับในเด็กอายุ 12 – 13 เดือน และการเริ่มเข้าโรงเรียน แต่อย่างไรก็ตาม ผู้ใหญ่สามารถรับได้ 2 เข็มเช่นกัน โดยเว้นระยะห่างระหว่างเข็มเป็นเวลา 1 เดือน โดยควรจะได้รับเข็มที่ 2 ก่อนออกเดินทางประมาณ 2 สัปดาห์

 

 

วัคซีนที่นักท่องเที่ยวต้องรู้ก่อนเดินทาง

 

อย่างไรก็ตามแพทย์จะพิจารณาการฉีดวัคซีนให้กับนักท่องเที่ยวตามความเหมาะสม ซึ่งแพทย์จะพิจารณาจากข้อมูลสุขภาพ ผลการตรวจร่างกาย สถานที่หรือประเทศที่ไปท่องเที่ยว ระยะเวลาในการท่องเที่ยว ตลอดจนกิจกรรมที่ทำขณะท่องเที่ยว เพราะฉะนั้นการฉีดวัคซีนก่อนท่องเที่ยวคือหนึ่งในแพลนที่ไม่ควรละเลยอย่างเด็ดขาด

 

แชร์