รากฟันเทียม แก้ปัญหาการสูญเสียฟัน

2 นาทีในการอ่าน
รากฟันเทียม แก้ปัญหาการสูญเสียฟัน

แชร์

เมื่อผู้ป่วยได้รับการถอนฟัน ควรที่จะต้องได้รับการใส่ฟันทดแทน โดยรากฟันเทียมเป็นวิธีหนึ่งที่สามารถช่วยผู้ป่วยที่สูญเสียฟันไปให้กลับมาใช้งานฟันซี่นั้นได้เป็นปกติอีกครั้ง ทำให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี ทั้งยังคงความสวยงามไว้ได้ด้วย ดังนั้นการทำความเข้าใจเกี่ยวกับรากฟันเทียมจึงเป็นเรื่องใกล้ตัวที่ควรรู้

 

รู้จักรากฟันเทียม

รากฟันเทียมเป็นการนำรากเทียมที่ทำมาจากวัสดุไทเทเนียมหรือเซรามิกที่มีลักษณะคล้ายสกรูใส่เข้าไปในขากรรไกร โดยใช้รากฟันเทียมเป็นหลักยึดครอบฟัน สะพานฟัน หรือฟันปลอมถอดได้ทั้งปากเพื่อทดแทนฟันที่สูญเสียไป โดยใช้เวลาในการรักษาทั้งหมดประมาณ 3 – 6 เดือน โดยระยะเวลาและจำนวนครั้งในการมารับการรักษาขึ้นกับปัจจัยหลายประการ เช่น ปริมาณและคุณภาพของกระดูกขากรรไกร จำนวนฟันที่ต้องการทำรากฟันเทียม เป็นต้น

 

ทำไมต้องทำรากฟันเทียม

จุดประสงค์ของรากฟันเทียมนั้นเป็นไปเพื่อการทดแทนฟันที่สูญเสียไป โดยสามารถใช้รากฟันเทียมเพื่อยึดครอบฟันหรือสะพานฟันเพื่อเป็นฟันที่ติดแน่นในปากเลย หรือใช้ยึดฟันปลอมถอดได้ ช่วยให้ฟันปลอมถอดได้มีการยึดอยู่ที่แน่นขึ้น ไม่หลวมหลุดง่าย

 

เตรียมตัวก่อนรักษา

หากทันตแพทย์วินิจฉัยแล้วว่าควรทำรากฟันเทียม การเตรียมตัวก่อนทำรากฟันเทียมนั้นประกอบด้วย

  1. พบทันตแพทย์เพื่อตรวจสภาพช่องปาก
  2. รักษาสุขภาพให้แข็งแรง หากมีโรคประจำตัวหรือรับประทานยาอยู่เป็นประจำ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับการรักษา โดยทั่วไปหากสามารถควบคุมโรคประจำตัวได้ดีก็สามารถรับการรักษาโดยใช้รากฟันเทียมได้ เพราะเป็นการผ่าตัดขนาดเล็กภายใต้ยาชาเฉพาะที่

 

กระบวนการทำรากฟันเทียม

  1. ทันตแพทย์ทำการตรวจสภาพช่องปากและเตรียมสภาพช่องปากให้เรียบร้อย
  2. ถ่ายภาพรังสีเพื่อดูปริมาณกระดูกและอวัยวะต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง
  3. พิมพ์ปากผู้ป่วยเพื่อนำมาวางแผนการรักษา
  4. ในบางกรณีอาจต้องมีการถ่ายภาพรังสี 3 มิติเพิ่มเติม
  5. ทันตแพทย์ผ่าตัดเพื่อใส่รากเทียมในตำแหน่งที่เหมาะสม ในบางกรณีอาจต้องมีการผ่าตัดเสริมกระดูกก่อน
  6. รอให้กระดูกยึดเกาะกับรากฟันเทียมให้แน่นประมาณ 2 – 3 เดือนขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ เช่น ปริมาณและคุณภาพของกระดูกผู้ป่วย เป็นต้น
  7. เมื่อรากเทียมติดแน่นกับกระดูกดีแล้ว ทันตแพทย์จะพิมพ์ฟัน ทำครอบฟัน สะพานฟัน หรือฟันปลอม และนำมาใส่ในช่องปากต่อไป
  8. นัดพบผู้ป่วยเพื่อตรวจติดตามอย่างเหมาะสม

 

การดูแลหลังทำรากฟันเทียม

  • แปรงฟันให้สะอาด
  • ใช้ไหมขัดฟันทุกครั้ง
  • หลีกเลี่ยงอาหารที่แข็งเกินไป เช่น กระดูกอ่อน
  • พบทันตแพทย์ตามเวลาที่กำหนด ทุก 3 หรือ 6 เดือน

 

ข้อดีของการทำรากฟันเทียม

  • รับประทานอาหารได้ปกติ
  • ดูแลทำความสะอาดง่าย คล้ายการดูแลฟันธรรมชาติ
  • ส่งเสริมบุคลิกภาพและความมั่นใจในการใช้ชีวิต
  • สุขภาพและคุณภาพชีวิตดีขึ้น
  • อายุการใช้งานนาน โดยขึ้นอยู่กับการดูแลรักษาของผู้ป่วย           

 

One Day Implant รักษาได้จริงหรือไม่?

หลายคนเคยได้ยินและเกิดความสงสัยเรื่องการทำรากฟันเทียมในหนึ่งวันหรือ One Day Implant ซึ่งต้องทำความเข้าใจว่า การฝังรากเทียมและใส่ฟันหรือครอบฟันบนรากเทียมทันทีสามารถทำได้ แต่ต้องดูปัจจัยอื่น ๆ ประกอบด้วย เช่น ปริมาณและคุณภาพกระดูกของผู้ป่วย เป็นต้น นอกจากนี้หากทำการฝังรากเทียมและใส่ฟันในวันเดียวกัน ผู้ป่วยควรต้องระมัดระวังในเรื่องการใช้งาน โดยควรรับประทานอาหารอ่อน ๆ ประมาณ 2 – 3 เดือน ดังนั้นควรได้รับการประเมินความเสี่ยงจากทันตแพทย์ผู้มีความชำนาญก่อนเสมอ

 

การทำรากฟันเทียมในปัจจุบันถือได้ว่าเป็นการใส่ฟันเพื่อทดแทนฟันที่สูญเสียไปที่ใกล้เคียงฟันธรรมชาติมากที่สุดและปัจจุบันเทคโนโลยีการรักษาทันตกรรมพัฒนาไปมากกว่าในอดีต ทำให้กระบวนการรักษาไม่ซับซ้อนและลดเวลาที่ใช้ในการรักษาลงอย่างมาก ดังนั้นหลายคนที่กังวลใจก่อนเข้ารับการรักษาสามารถปรึกษาทันตแพทย์ผู้ชำนาญการเพื่อขอรับคำแนะนำที่เหมาะสม

 

 


สอบถามเพิ่มเติมที่
ศูนย์ทันตกรรมรากเทียมกรุงเทพ คลินิกเฉพาะทางด้านทันตกรรม
ชั้น 2 อาคารทันตกรรม (หน้าปากซอยเพชรบุรี 47)
เปิดบริการ ทุกวัน 09.00 - 20.00 น.

แชร์