โรคอารมณ์แปรปรวน (Bipolar Disorder)

3 นาทีในการอ่าน
โรคอารมณ์แปรปรวน (Bipolar Disorder)

แชร์

โรคอารมณ์แปรปรวนเป็นโรคทางอารมณ์ที่สามารถแปรปรวนได้สุดขั้ว ทั้งคึกรุนแรง (Mania) และเศร้าสุด ๆ (Depress) อันอาจก่อความเสียหายมากทั้งแก่ตนเองและบุคคลอื่น ๆ อย่างที่เห็นในข่าวอยู่เนือง ๆ สาเหตุนั้นยังไม่ทราบแน่ชัด มีข้อมูลว่าเป็นโรคที่ถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์ แต่อาจเกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางเคมีในสมอง ไม่ว่าจะจากยา สารเสพติด โรคทางกายบางโรคก็ได้ สถิติทั่ว ๆ ไปพบอัตราการเป็นโรคนี้อยู่ที่ 1 – 2% ของประชากร

 

อาการบอกอารมณ์แปรปรวน

อาการที่พบมีได้ทั้งสองขั้ว แต่บางคนอาจเกิดเพียงขั้วเดียวก็ได้คือ คึก (Mania) โดยไม่มีประวัติอาการซึมเศร้าเลย (ทั้ง 2 แบบเช่นนี้เรียกว่าเป็น Bipolar I Disorder) อีกส่วนหนึ่งมีอาการเศร้าเป็นส่วนใหญ่มีอาการคึกน้อย ๆ (Hypomania) ในบางครั้ง (เรียกว่าเป็น Bipolar II disorder)

 

1) อาการคึก (Mania and Hypomania)

อาการคึกรุนแรง (Mania) และคึกน้อย ๆ (Hypomania) จะเป็นแบบเดียวกัน เพียงแต่ความรุนแรงของอาการที่เรียกว่า คึกน้อย (Hypomania) นั้นจะไม่รุนแรงเท่า


อาการมีดังนี้

  • มีอาการคึก มีความรู้สึกเป็นสุข อารมณ์แจ่มใสเกิน
  • พลังเยอะ แอ็กทีฟ หรืออาจกระวนกระวาย แม้แต่หงุดหงิดได้ง่าย ๆ
  • เชื่อมั่นในตัวเองสูงเกินเหตุ หรือรู้สึกว่าตัวเองเก่งกาจ ยิ่งใหญ่ สำคัญ ทั้ง ๆ ที่ในความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น
  • ต้องการนอนน้อยลง เช่น อาจนอนเพียง 3 ชั่วโมงก็รู้สึกเพียงพอแล้ว
  • มักจะพูดเยอะกว่าวิสัยปกติของคน ๆ นั้น หรือรู้สึกกดดันในใจให้ต้องพูดตลอด
  • ความคิดในสมองแล่นเยอะ แล่นเร็ว เปลี่ยนเร็ว
  • ปรับเปลี่ยนเรื่องที่จดจ่อได้ไว หันเหเรื่องที่คิดไปตามสิ่งที่มากระตุ้นได้ง่าย
  • ทำโน่นทำนี่ทั้งแบบมีเป้าหมายหรือไม่มีเป้าหมายในสิ่งที่ทำเยอะแยะไปหมด บางทีมองดูก็คล้ายคนกระวนกระวาย
  • บ่อย ๆ ที่พบว่า ตัดสินใจหรือทำเรื่องต่าง ๆ ไม่ถูกต้องเหมาะสม อย่างเช่น การใช้จ่ายเงินทอง การลงทุน หรือแม้แต่การมีเพศสัมพันธ์เสี่ยง ๆ

 

2) อาการเศร้า (Depress)

อาการเศร้าหรืออารมณ์เศร้านั้นมักทำให้เกิดความเสียหายหรือลำบากต่อการดำเนินชีวิตปกติ เช่น การทำงาน การเรียน การอยู่ในสังคม หรือแม้แต่มนุษยสัมพันธ์กับบุคคลอื่น

อาการมีดังนี้

  • อารมณ์เศร้า รู้สึกว่างเปล่า สิ้นหวัง ร้องไห้ง่าย
  • ขาดความสนใจในกิจกรรมที่เคยให้ความสุข
  • อาจเบื่ออาหารจนน้ำหนักลด หรือกินเก่ง
  • นอนไม่หลับ หรือเอาแต่นอนไม่อยากทำอะไร
  • บางคนกระวนกระวายหรือบางคนอาจเคลื่อนไหวช้าลง
  • รู้สึกเหนื่อยล้า ไม่มีพลัง
  • รู้สึกไร้ค่าหรือรู้สึกผิด ทั้ง ๆ ที่อาจไม่เป็นเช่นนั้นจริง
  • คิดอะไรไม่ค่อยออก ไม่มีสมาธิ ตัดสินใจไม่ขาด
  • บางคนอาจคิดถึงการทำร้ายตัวเอง รวมไปถึงคิดฆ่าตัวตาย

 

อาการทั้งสองขั้ว ซึ่งแปลกแตกต่างเปลี่ยนไปจากนิสัยหรือบุคลิกเดิมของคนนั้น ๆ จะเกิดขึ้นทั้งวันหรือเกือบทั้งวัน และเป็นเวลาหลายวันหรือเป็นสัปดาห์จึงจะวินิจฉัยว่าเป็นโรค อย่างไรก็ตามบางทีการวินิจฉัยอาจไม่ง่ายจึงควรให้จิตแพทย์เป็นผู้พิจารณา

 

image

รักษาโรคอารมณ์แปรปรวน

การรักษาโรคอารมณ์แปรปรวน (Bipolar Disorder) นั้นมีหลายวิธี ได้แก่

  • การใช้ยา ยาเป็นการรักษาที่ได้ผลดีที่สุดสำหรับโรคนี้ ยามักใช้เวลาระยะหนึ่งในการเริ่มออกฤทธิ์ (Lag Time) และจำเป็นต้องทานทุกวันอย่างต่อเนื่อง หลายรายต้องรับประทานยาต่อเนื่องตลอดชีวิตแม้อาการสงบแล้วเพื่อป้องกันการกลับเป็นซ้ำ ทั้งนี้เนื่องจากยามีผลข้างเคียงบ้างตามสมควร ผู้ป่วยต้องมีวินัยในการรับประทานยาหรือญาติควรดูแลการได้รับยาตามแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด ส่วนผลข้างเคียงอันอาจจะเกิดขึ้นสามารถปรึกษาแพทย์เพื่อลดหรือบรรเทาหรือปรับเปลี่ยนให้เหมาะกับผู้ป่วยแต่ละรายได้ นอกจากนี้ยามีหลายกลุ่ม อาจใช้บางกลุ่มหรือหลายกลุ่มร่วมกันขึ้นกับอาการที่เป็น กลุ่มของยา เช่น ยาปรับอารมณ์ (Mood Stabilizers) ยาต้านอาการทางจิต (Antipsychotics) ยาต้านเศร้า (Antidepressants) ยาคลายเครียด (Anti – Anxiety)
  • การรับไว้ในโรงพยาบาลในกรณีที่อาการเป็นมาก อันอาจก่อเกิดความเสียหายแก่ตัวผู้ป่วยเองหรือผู้อื่น เช่น ทะเลาะวิวาท ใช้กำลัง พฤติกรรมเสี่ยง ๆ ใช้จ่ายเงินไร้ยั้งคิด ทำธุรกรรมผิด ๆ ทำร้ายตัวเองหรือคิดฆ่าตัวตายในรายมีอาการซึมเศร้า ฯลฯ
  • การรับคำปรึกษา การปรับพฤติกรรมเพื่อควบคุมอารมณ์ จะช่วยให้ผู้ป่วยดำเนินชีวิตตามปกติ


ทั้งนี้ในกรณีที่ผู้ป่วยใช้หรือติดสารเสพติดจะต้องบำบัดไปพร้อมกัน และปัจจัยนี้จะทำให้การรักษาโรคอารมณ์แปรปรวนยากขึ้น


สอบถามเพิ่มเติมที่
คลินิกเฉพาะโรค โรงพยาบาลกรุงเทพ
ชั้น 7C อาคารโรงพยาบาลกรุงเทพ (อาคาร C)
เปิดให้บริการ ทุกวัน เวลา 08.00 – 18.00 น.

แชร์